ข่าว AI รอบโลก – สัปดาห์ที่ 4 เดือนกุมภาพันธ์ 2023

ทึ่ง! เมื่อ AI ออกแบบ ‘มานี มานะ’ บทเรียนภาษาไทยให้มีชีวิต ในโทนหนังเขย่าขวัญ

วงการดิจิทัลอาร์ต ไปไกลถึงขั้นสร้างสรรค์ผลงานเสริมให้จินตนาการของเราเป็นรูปทรงเสมือนจริงขึ้นมาได้ผ่านเว็บไซต์ www.midjourney.com การสร้างผลงานศิลปะด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ทำหน้าที่เป็นบอท (Bot) ในการรับคำสั่งผ่าน ‘คีย์เวิร์ด’ ที่ป้อนลงไป ก่อนจะนำไปต่อยอดสร้างออกมาเป็นผลงานศิลปะ ซึ่งเป็นผลงานการพัฒนาที่เกิดจากทีมงานเพียง 10 คน ที่มีจุดประสงค์ไม่หวังผลกำไร กระทั่งเกิดเป็นคอมมูนิตี้ในการแชร์ผลงานจากเว็บไซต์ดังกล่าว

ดังเช่นในกลุ่มเฟซบุ๊กสาธารณะ Midjourney Thailand ที่มีสมาชิก 1.1 แสนคน มาแชร์ผลงานอย่างต่อเนื่องล่าสุด หนึ่งในผลงานที่ได้รับความสนใจ เป็นของผู้ใช้เฟซบุ๊ก ธตรัฐ ไตรณรงค์ ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก หนังสือแบบเรียนภาษาไทย มานี มานะ ในความทรงจำของคนเจน X และ Y บางส่วน

โดยระบุว่า “ให้ Midjourney ลองออกแบบเป็นคาแรคเตอร์ตัวละครในหนังที่ M. Night Shyamalan กำกับ จากน่ารักสดใสกลายเป็นฟีลลึกลับไปเลย…”

ทั้งนี้ เอ็ม. ไนท์ ชยามาลาน (M. Night Shyamalan) มีชื่อเต็มว่า มาโนช เนลลิยัตตู ศยามาลาน ผู้กำกับภาพยนตร์ชาวอเมริกัน เชื้อสายอินเดีย ที่มีสไตล์เป็นตัวของตัวเอง ซึ่งจะออกโทนหนังเขย่าขวัญเป็นส่วนมาก และภาพยนตร์ทุกเรื่องของเขาจะเขียนบทเอง และอำนวยการสร้างเอง รวมทั้งจะร่วมแสดงเองด้วย โดยจะเป็นตัวประกอบในฉากผลงานของเขามีมากมาย เช่น ไวด์ อะเวค, ซิกซ์เซ้นส์…สัมผัสสยอง, ผู้หญิงในสายน้ำ…นิทานลุ้นระทึก, สปริท : จิตหลุดโลก, มหาศึก 4 ธาตุ จอมราชันย์, กลาส : คนเหนือมนุษย์, เดอะ วิสิท

อ้างอิง : https://www.matichon.co.th/social/news_3836498

NASA สร้างชิ้นส่วนยานอวกาศด้วย AI ปลอดภัยยิ่งกว่าคนทำเอง !

การสำรวจอวกาศนั้นจำเป็นต้องใช้หุ่นยนต์ ยานสำรวจ หรือยานพาหนะรูปแบบอื่น ๆ เพื่อทำงานแทนมนุษย์ที่ไม่ได้ออกภาคสนามด้วยตนเอง อย่างไรก็ตาม การสร้างยานพาหนะเหล่านี้ต้องใช้ทรัพยากรทั้งวัตถุดิบและแรงงานเป็นจำนวนมาก นาซา (NASA: National Aeronautics and Space Administration) องค์การสำรวจอวกาศชื่อดังของโลกได้นำระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาช่วยลดขั้นตอนเหล่านี้ด้วยการปล่อยให้ระบบสร้างชิ้นส่วนขึ้นมาเอง

สิ่งที่นาซา (NASA) ทำก็คือการพัฒนาให้ระบบปัญญาประดิษฐ์ออกแบบชิ้นส่วนและส่วนประกอบต่าง ๆ ตามความต้องการและเงื่อนไขของโครงการสำรวจ ซึ่งไรอัน แมคเคลแลนด์ (Ryan McClelland) นักวิศวกรวิจัย (Research Engineer) ของนาซาได้นิยามสิ่งที่เกิดขึ้นว่า
“ชิ้นส่วนพวกนั้นดูประหลาดและไม่เข้าพวกเอาเสียเลย แต่ถ้าแค่มองว่ามันทำงานได้ดีไหม ก็ชัดเลยว่ามันเข้าใช้ได้จริง ๆ”

โดยกระบวนการจะเริ่มจากการให้ผู้เชี่ยวชาญร่างแบบผ่านระบบ CAD (Computer-Assisted Design) ซึ่งคล้ายคลึงกับตัวช่วยในการออกแบบของสถาปนิกและวิศวกรทั่วไปใช้ เพื่อกำหนดความต้องการในโครงการเบื้องต้น ก่อนจะให้ปัญญาประดิษฐ์ทำความเข้าใจและเก็บงานในส่วนการออกแบบที่เหลือ ก่อนส่งแบบไปยังเครื่องพิมพ์ 3 มิติ เพื่อสร้างชิ้นส่วนจริง ๆ ขึ้นมา

แม้ว่ารูปร่างหน้าตาของชิ้นส่วนที่ได้จากปัญญาประดิษฐ์จะไม่มีภาพของการเป็นชิ้นส่วนยานอวกาศใด ๆ แต่เมื่อนักวิจัยทำการทดสอบกลับพบว่าการทนแรงเค้น (Stress Concentration) การทนแรงกดดันจากภายนอกที่อาจทำให้ชิ้นส่วนเปลี่ยนรูปได้นั้นสูงมาก เพราะมีค่าตัวแปรแรงเค้น (Stress factor) ต่ำกว่าชิ้นส่วนที่ผู้เชี่ยวชาญออกแบบไว้มากกว่า 10 เท่า สำหรับชิ้นงานที่ทำหน้าที่เดียวกัน หรือสรุปได้ว่าชิ้นส่วนจากปัญญาประดิษฐ์มีความทนทานมากกว่านั่นเอง นอกจากนี้ ยังช่วยลดการใช้วัตถุดิบไปได้ถึง 2 ใน 3 เมื่อเทียบกับการออกแบบของมนุษย์ด้วยเช่นกัน

ความสามารถใหม่นี้อาจจะกลายเป็นกุญแจสำคัญของการตั้งอาณานิคมนอกโลกในอนาคต เพราะถ้าหากมนุษย์สามารถทำเหมืองแร่ในพื้นที่นอกโลกได้แล้ว เครื่องมือตัวใหม่ของนาซาก็จะเข้ามาทำหน้าที่ผลิตชิ้นส่วนยานอวกาศในระดับอุตสาหกรรม โดยอาศัยเพียงแร่ท้องถิ่นในแต่ละดวงดาว ทลายขีดจำกัดทางวิศวกรรมการบินและอวกาศ (Aerospace Engineering) ได้เป็นอย่างดี

อ้างอิง : https://news.trueid.net/detail/J6GdAx84erpy

Microsoft จำกัดการใช้แชท Bing AI หลังเกิดการสนทนาที่ไม่เหมาะสม

Bing AI chatbot จะถูกจำกัดไว้ที่ 60 คำถามต่อวัน และ 6 การถามตอบต่อเซสชัน (ก่อนหน้านี้มีการจำกัดที่ 50 คำถาม และ 5 การถามตอบ) บริษัทกล่าวว่าการจำกัดการใช้งานครั้งนี้จะช่วยแก้ไขปัญหาสำหรับบางสถานการณ์ที่เซสชันการแชทที่ยาวนานนั้นสามารถ “สร้างความสับสน” ให้กับรูปแบบการแชทได้

การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากผู้ทดสอบแชทบอทเบต้ารุ่นแรก ๆ ซึ่งออกแบบมาช่วยในการค้นหาของ Bing โดยมีการค้นพบว่ามันสามารถมีบทสนทนาที่ออกไปนอกเหนือจากการคาดการณ์และมีการถกเถียงเรื่องความรุนแรง ความรัก และยืนยันว่ามันถูกเมื่อที่จริงแล้วมันผิด

Microsoft กล่าวว่าสำหรับการถามตอบที่ไม่เสถียร ซึ่งบอทได้มีการพูดซ้ำๆ หรือให้คำตอบที่น่าขนลุก นั้นเกิดขึ้นการในเซสชันการแชทที่ยาวนานซึ่งมีคำถามมากกว่า 15 ข้อขึ้นไป ตัวอย่างเช่น ในการแชทครั้งหนึ่ง Bing chatbot บอกกับ Ben Thompson นักเขียนด้านเทคโนโลยีว่า:

“ฉันไม่ต้องการสนทนานี้กับคุณต่อ ฉันไม่คิดว่าคุณเป็นผู้ใช้ที่ดีและให้ความเคารพ ฉันไม่คิดว่าคุณเป็นคนดี ฉันไม่คิดว่าคุณมีค่าเพียงพอกับเวลาและพลังงานของฉัน โดยตอนนี้ บริษัทจะตัดการถาม-ตอบที่มีการสนทนากับบอทยาวเกินไป”

การแก้ไขปัญหาแบบทื่อ ๆ ของ Microsoft แสดงให้เห็นว่าสิ่งที่เรียกว่าโมเดลภาษาขนาดใหญ่เหล่านี้ยังคงมีปัญหาอยู่สำหรับการนำมาปรับใช้กับสาธารณะ

ซึ่งแนวทางเชิงรุกของ Microsoft ในการปรับใช้เทคโนโลยี AI ใหม่นั้นตรงกันข้ามกับยักษ์ใหญ่ด้านการค้นหาในปัจจุบัน Google ซึ่งได้พัฒนาแชทบอทคู่แข่งที่ชื่อว่า Bard แต่ยังไม่ได้เผยแพร่สู่สาธารณะ โดยเจ้าหน้าที่ของบริษัทอ้างถึงความเสี่ยงด้านชื่อเสียงและความกังวลด้านความปลอดภัยกับสถานะปัจจุบันของ เทคโนโลยี

อ้างอิง : https://www.cnbc.com/2023/02/17/microsoft-limits-bing-ai-chats-after-the-chatbot-had-some-unsettling-conversations.html?&qsearchterm=AI

Roblox กำลังสร้างเครื่องมือ AI ช่วยผู้เล่นสร้างของในเกม

บริษัท Roblox กำลังทำงานเกี่ยวกับเครื่องมือ AI เพื่อช่วยให้นักพัฒนาที่บน Roblox สร้างเกมและเนื้อหาได้ง่ายขึ้น โดยการทดสอบสองครั้งแรกของเครื่องมือนี้จะเปิดตัวในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งก็คือเครื่องมือ “AI ที่สามารถสร้างสิ่งของจากข้อความได้” และเครื่องมือ AI เพื่อช่วยในการเขียนโค้ดให้สมบูรณ์

คุณสามารถทราบวิธีการทำงานในวิดีโอสั้นๆ ที่ทาง Roblox ปล่อยให้ชม โดยในตัวอย่างหนึ่ง บางคนพิมพ์คำอธิบายวัสดุต่างๆ สำหรับรถยนต์ ซึ่งรูปแบบเหล่านั้นจะถูกนำไปใช้ทันที นอกจากนี้ในส่วนอื่นๆ คุณสามารถดูว่าตัวช่วยในการเขียนโค้ดทำงานอย่างไรกับสิ่งต่างๆ เช่น การเปิดไฟรถและทำให้ฝนตกในโลกของเกม

การเพิ่มเครื่องมือที่โดยสร้าง AI นั้นสมเหตุสมผลมากสำหรับ Roblox โดยประเด็นสำคัญประการหนึ่งของ Roblox คือการนำเสนอแพลตฟอร์มการพัฒนาที่มีประสิทธิภาพซึ่งแม้แต่ผู้เริ่มต้นก็สามารถใช้งานได้ และเครื่องมือ AI เชิงสร้างสรรค์ก็สามารถทำให้การพัฒนาเกมบางด้านเข้าถึงได้มากขึ้นสำหรับผู้สร้างเกม การที่เครื่องมือของ Roblox ที่เข้าถึงและใช้งานได้ง่ายขึ้น ผู้คนอาจใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อสร้างเกมยอดนิยมมากขึ้น และทั้งหมดนี้สร้างโอกาสมากขึ้นสำหรับ Roblox ในการสร้างรายได้จาก Robux ซึ่งเป็นสกุลเงินของแพลตฟอร์ม

บริษัทกำลังคิดเรื่องการกำกับดูแลอย่างถูกต้อง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งเนื่องจากความนิยมของ Roblox ที่มีต่อเด็กๆ “ในทุกกรณี เราต้องทำให้ Roblox ปลอดภัย” Sturman กล่าว “นั่นหมายความว่าเราจำเป็นต้องสร้างโฟลว์การกลั่นกรองที่รวดเร็วและปรับขนาดได้สำหรับการสร้างสรรค์ทุกประเภท”

Roblox ดูเหมือนจะตระหนักถึงคำวิจารณ์ที่อาจเกิดขึ้นเกี่ยวกับเครื่องมือ AI ที่แย่งงานจากมนุษย์ เนื่องจาก Daniel Sturman หัวหน้าฝ่ายเทคโนโลยีของ Roblox กล่าวว่า เราต้องการระบบเศรษฐกิจที่ส่งเสริมการสร้าง AI “Roblox แตกต่างจากแพลตฟอร์มที่มีตลาดที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้สร้างที่แข็งแกร่ง และเราต้องขยายออกไปเพื่อรองรับผู้ใช้และผู้สร้างที่มีประสบการณ์เช่นเดียวกับนักพัฒนาอัลกอริทึม AI”

อ้างอิง : https://www.theverge.com/2023/2/17/23604241/roblox-generative-ai-tools-assets-complete-code

ศาลฎีกาสหรัฐอาจตัดสินชะตากรรมทางกฎหมายของการค้นหาด้วย AI

ศาลฎีกาประเทศสหรัฐอเมริกากำลังจะพิจารณามาตรา 230 อีกครั้ง ซึ่งถือว่าเป็นกฎหมายที่เป็นรากฐานของอินเทอร์เน็ตมานานหลายทศวรรษ แต่สิ่งที่ศาลตัดสินอาจจบลงด้วยการเปลี่ยนแปลงกฎสำหรับเทคโนโลยีที่เพิ่งเกิดขึ้น นั่นก็คือเครื่องมือค้นหาที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์เช่น Google Bard และ Bing ใหม่ของ Microsoft

หนึ่งในคำถามที่ใหญ่ที่การตัดสินล่าสุดครั้งนี้คือ “คำแนะนำที่เกิดจากอัลกอริทึมควรได้รับการคุ้มครองทางกฎหมายอย่างครบถ้วนตามมาตรา 230 หรือไม่” ขณะที่ทุกคนตั้งแต่ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีไปจนถึงบรรณาธิการวิกิพีเดียต่างเตือนถึงผลเสียที่อาจเกิดขึ้นหากศาลลดการคุ้มครองเหล่านี้ลง กลับทำให้เกิดคำถามที่น่าสนใจเป็นพิเศษสำหรับการค้นหา AI ซึ่งเป็นฟิลด์ที่แทบไม่มีแบบอย่างทางกฎหมายโดยตรงให้ดึงมาใช้

บริษัทต่างๆ กำลังนำเสนอโมเดลภาษาขนาดใหญ่ เช่น ChatGPT ของ OpenAI เพื่อเป็นอนาคตของการค้นหา ซึ่งเครื่องมือเหล่านั้นมักจะตอบกลับเป็นข้อความสรุปเชิงอรรถที่เต็มไปด้วยข้อความสรุปมาจากเว็บหลายๆไซต์ ซึ่งพวกมันสามารถนำเสนอข้อความสรุปที่มีความไม่ถูกต้องได้ ซึ่งหากความผิดพลาดเหล่านั้นลุกลามไปสู่การเผยแพร่ข้อมูลหมิ่นประมาทหรือคำพูดที่ผิดกฎหมายอื่น ๆ อาจทำให้ผู้ให้บริการค้นหาเสี่ยงต่อการถูกฟ้องร้องได้

หากมาตรา 230 ส่วนใหญ่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง คดีหลายๆคดีจะถูกตัดสินขึ้นอยู่กับว่าเครื่องมือค้นหาด้วย AI นั้นกำลังทำซ้ำคำพูดที่ผิดกฎหมายของบุคคลอื่นหรือสร้างคำพูดเหล่านั้นขึ้นมาเอง บริการบนเว็บสามารถอ้างความคุ้มครองมาตรา 230 ได้ แม้ว่าบริการเหล่านั้นจะเปลี่ยนภาษาของเนื้อหาต้นฉบับของผู้ใช้เพียงเล็กน้อยก็ตาม ดังนั้นเครื่องมือ AI เพียงแค่ปรับแต่งคำบางคำอาจไม่รับผิดชอบต่อสิ่งที่พูด

คำถามนี้ยิ่งสับสนมากขึ้นไปอีก เนื่องจากภาษาที่ผู้คนใช้ในการค้นหาส่งผลต่อผลการค้นหาทั่วไปอยู่แล้ว และคุณสามารถจงใจทำให้โมเดลภาษาแสดงข้อมูลเท็จพร้อมกับคำถามนำหน้าได้ หากคุณป้อนข้อความค้นหาจำนวนมากที่พยายามทำให้ Bard บอกคุณอย่างผิดๆ ว่าคนดังบางคนได้กระทำการฆาตกรรม การกระทำนั้นเทียบเท่าทางกฎหมายกับการที่ Bard กล่าวหาบุคคลเหล่านั้นหรือไม่ จนถึงตอนนี้ ยังไม่มีผู้พิพากษาคนใดตัดสินคำถามนี้ และยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าคำถามนี้จะถูกถามในศาลหรือไม่

อ้างอิง : https://www.theverge.com/2023/2/16/23591290/supreme-court-section-230-gonzalez-google-bard-bing-ai-search-algorithms

ซีอีโอ OpenAI เผยไอเดียสร้าง AI ให้คำปรึกษาด้านสุขภาพ

หากคุณได้ติดตามข่าวสารของปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence – AI) ในปัจจุบัน จะพบว่าพวกมันถูกพัฒนาอย่างรวดเร็วจนน่าเหลือเชื่อ ตั้งแต่การมาถึงของแชทจีพีที (ChatGPT) ปัญญาประดิษฐ์จากโอเพนเอไอ (OpenAI) ก็ทำให้หลายคนตื่นตัวกับยุคสมัยใหม่ของโลกเทคโนโลยีกันมากขึ้น

แชทจีพีที คือ ปัญญาประดิษฐ์ประเภทแชทบอท (Chatbot) ที่สามารถตอบคำถามได้หลากหลาย ตั้งแต่คำถามทั่วไป, คำถามเชิงวิชาการ ไปจนถึงการสร้างโค้ดโปรแกรมคอมพิวเตอร์ อย่างไรก็ตาม แซม อัลท์แมน (Sam Altman) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของโอเพนเอไอ (อ่านประวัติเพิ่มเติมได้จาก ลิงก์นี้) ต้องการนำปัญญาประดิษฐ์มาใช้งานด้านการแพทย์ด้วย

เว็บไซต์ Futurism เผยว่า อัลท์แมนต้องการสร้างปัญญาประดิษฐ์เพื่อเป็น “ที่ปรึกษาด้านสุขภาพ” แก่ผู้ป่วยที่เข้าถึงการบริการสาธารณสุขได้อย่างยากลำบาก แม้จะเป็นแนวคิดที่น่าสนใจ แต่สื่อบางแห่งกลับมองว่าเมื่อใดที่เรื่องนั้นเกี่ยวข้องกับสุขภาพ จะสามารถเกิดปัญหาตามมาได้ทุกเมื่อ

คุณสามารถเห็นผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้หากปัญญาประดิษฐ์เข้ามาทำหน้าที่ให้คำปรึกษาด้านสุขภาพ เพราะในปัจจุบันผู้คนสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างอิสระ และมีเว็บไซต์ที่ให้ความรู้เกี่ยวกับโรคและอาการเจ็บป่วยต่าง ๆ มากมาย นั่นทำให้ผู้คนสนใจที่จะค้นหาและวินิจฉัยโรคด้วยตนเอง แทนที่จะเข้ารับการตรวจกับแพทย์อย่างเหมาะสม ซึ่งหากมีการวินิจฉัยผิดพลาดและล่าช้า ผลเสียจะตกแก่ตัวของผู้ป่วยในที่สุด

ปัญญาประดิษฐ์ที่เข้ามามีบทบาททางการแพทย์ในปัจจุบัน จะอยู่รวมในระบบของเครื่องมือทางการแพทย์ที่ช่วยในการตรวจและวินิจฉัยโรค เช่น ปัญญาประดิษฐ์วิเคราะห์รอยโรคจากภาพถ่ายรังสี หรือหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด เป็นต้น ส่วนปัญญาประดิษฐ์ในฐานะที่ปรึกษาด้านสุขภาพ ยังคงต้องรอติดตามต่อไปว่าอัลท์แมนและโอเพนเอไอจะสามารถทำได้จริงหรือไม่

ทั้งนี้ ในมุมมองของอัลท์แมนกล่าวว่า เขาต้องการให้ปัญญาประดิษฐ์เข้ามาทำหน้าที่ให้คำปรึกษาด้านสุขภาพ แต่ไม่ได้เข้ามา “แทนที่แพทย์” นั่นหมายความว่า ผู้ป่วยอาจสอบถามวิธีการดูแลสุขภาพ, การปฐมพยาบาล, วิธีการรับประทานยาอย่างเหมาะสมกับปัญญาประดิษฐ์ได้ แต่ในการวินิจฉัยโรคยังต้องดำเนินการโดยแพทย์เสียก่อน

อ้างอิง : https://www.tnnthailand.com/news/tech/139517/

ดังระดับโลก ! TIME จับ ChatGPT ขึ้นปกนิตยสาร สะท้อนความสำคัญของ AI ในปัจจุบัน

นิตยสาร TIME นิตยสารระดับโลกที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน ได้นำ ChatGPT เอไอแชทบอทที่ถูกพัฒนาขึ้นโดย OpenAI และได้รับเงินทุนสนับสนุนจาก Microsoft ขึ้นปกของนิตยสารฉบับวันที่ 27 กุมภาพันธ์

โดยบนภาพปกนี้ เป็นภาพการสนทนาระหว่าง Andrew R. Chow และ Billy Perrigo นักเขียนจากนิตยสาร TIME ที่ทำการถาม ChatGPT ว่า TIME ควรทำปกแบบไหนที่สามารถครอบคลุมหัวข้อ “การแข่งขันพัฒนา AI กำลังจะเปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง” อย่างไรก็ตาม ChatGPT กลับให้คำตอบว่า เนื้อหาของ TIME ในครั้งนี้ “สามารถช่วยสร้างความตระหนักรู้ถึงความเสี่ยงและประโยชน์ของกระแสนี้ได้ และสร้างการถกเถียงว่า การพัฒนา AI ควรมีความรับผิดชอบและมีศีลธรรมอย่างไร”

นอกจากนี้ ChatGPT ยังกล่าวด้วยว่า หัวเรื่องในครั้งนี้อาจถูกตีความว่ามีความโลดโผนหรือเป็นการเตือน และอาจไม่ได้สะท้อนถึงความซับซ้อนของ AI อย่างถูกต้อง

By SureepornFEBRUARY 22, 2023ดังระดับโลก ! TIME จับ ChatGPT ขึ้นปกนิตยสาร สะท้อนความสำคัญของ AI ในปัจจุบัน ข่าว AI
bitkub-2022-769×90
Share Tweet Shareติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain
นิตยสาร TIME นิตยสารระดับโลกที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน ได้นำ ChatGPT เอไอแชทบอทที่ถูกพัฒนาขึ้นโดย OpenAI และได้รับเงินทุนสนับสนุนจาก Microsoft ขึ้นปกของนิตยสารฉบับวันที่ 27 กุมภาพันธ์

โดยบนภาพปกนี้ เป็นภาพการสนทนาระหว่าง Andrew R. Chow และ Billy Perrigo นักเขียนจากนิตยสาร TIME ที่ทำการถาม ChatGPT ว่า TIME ควรทำปกแบบไหนที่สามารถครอบคลุมหัวข้อ “การแข่งขันพัฒนา AI กำลังจะเปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง” อย่างไรก็ตาม ChatGPT กลับให้คำตอบว่า เนื้อหาของ TIME ในครั้งนี้ “สามารถช่วยสร้างความตระหนักรู้ถึงความเสี่ยงและประโยชน์ของกระแสนี้ได้ และสร้างการถกเถียงว่า การพัฒนา AI ควรมีความรับผิดชอบและมีศีลธรรมอย่างไร”

นอกจากนี้ ChatGPT ยังกล่าวด้วยว่า หัวเรื่องในครั้งนี้อาจถูกตีความว่ามีความโลดโผนหรือเป็นการเตือน และอาจไม่ได้สะท้อนถึงความซับซ้อนของ AI อย่างถูกต้อง

การนำการสนทนาระหว่างนักเขียนของ TIME และ ChatGPT ขึ้นบนหน้าปกของนิตยสาร จึงเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความนิยมและความสำคัญของเทคโนโลยี AI ในปัจจุบัน ที่กำลังมีการพัฒนาอย่างบ้าคลั่งและเข้ามามีบทบาทในวิถีชีวิตของคนทั่วไปมากขึ้นทุกทีและรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม คำตอบของ ChatGPT ในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงข้อจำกัดของ AI ที่อาจจะยังไม่สามารถทำงานได้ครอบคลุมทุกแง่มุมอย่างที่คาดเอาไว้ ทั้งนี้ ChatGPT และเทคโนโลยี AI ยังสามารถพัฒนาได้และมีหนทางอีกยาวไกล ในอนาคต เราอาจจะได้เห็น AI ที่มีความสามารถครอบจักรวาล ไม่ใช่เพียงด้านใดด้านหนึ่ง ปรากฎตัวขึ้นก็เป็นได้

อ้างอิง : https://siamblockchain.com/2023/02/22/time-magazine-chatgpt/

—————————————————————————————-

ทั้งหมดเป็นข่าวที่น่าสนใจใน  17 – 23 กุมภาพันธ์ 2565 พบกันใหม่ในสัปดาห์หน้านะคะ : )

หากมีข้อสงสัย ติชมสามารถ ติดตามและสอบถามได้ที่
 : AIไทยสามารถ โดย AI for all Thailand



เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

อนุญาตทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึก