ข่าว AI รอบโลก – สัปดาห์ที่ 2 เดือน กรกฎาคม 2023

สวรรค์ของนักตัดต่อ ! Netflix จ่อใช้ AI เพื่อสร้างเอฟเฟ็กต์ภาพแบบเรียลไทม์ที่เหนือกว่า Green Screen

นักวิจัยของ Netflix บริษัทสตรีมมิ่งยักษ์ใหญ่ กล่าวว่าพวกเขาอาจทำให้การทำภาพเอฟเฟ็กต์ด้วย Green Screen กลายเป็นเรื่องเก่าล้าสมัย เพราะในวันนี้ Magenta Green Screen (MGS) ถือเป็นความก้าวหน้าทางนวัตกรรมในการประยุกต์ใช้ AI ในอุตสาหกรรมภาพยนตร์และโทรทัศน์ โดย MGS คือเทคโนโลยีที่ใช้ประโยชน์จากพลังของปัญญาประดิษฐ์เพื่อปรับปรุงเอฟเฟ็กต์ภาพ เพื่อให้มีความสมจริงยิ่งขึ้นในแบบเรียลไทม์

เทคโนโลยี Green Screen เป็นกระบวนการที่ใช้ทำเอฟเฟ็กต์กันอย่างแพร่หลาย โดยเป็นการถ่ายทำนักแสดงโดยมีฉากหลังเป็นสีเขียวสดใส ซึ่งสามารถทำให้ฉากหลังนั้นเปลี่ยนเป็นภาพดิจิทัลได้ในภายหลัง แต่มักจะมีปัญหาเกิดขึ้นถ้าหากภาพมีองค์ประกอบสีเขียวตามรายละเอียดเล็ก ๆ เช่น เส้นผมหรือวัตถุโปร่งใส ดังนั้นเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ นักตัดต่อมักจะปรับการตั้งค่าด้วยตนเอง หรือทาสีทับทีละเฟรม ซึ่งเป็นกระบวนการที่ใช้เวลานานมาก

Netflix กล่าวว่าเทคโนโลยี MGS จะใช้ AI เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า Green Screen แบบเดิม โดย MGS จะช่วยให้นักตัดต่อใช้เวลาในการแก้ไขฉากเพียงเศษเสี้ยวของเวลาที่ใช้กับ Green Screen วิธีการถ่ายทำโดยใช้ MGS คือ นักแสดงจะถ่ายทำโดยมีฉากหลังเป็นแสงสีเขียวสว่างอยู่ข้างหลัง ในขณะที่ใช้แสงสีแดงและสีน้ำเงินส่องจากด้านหน้า โดยเมื่อแสงเหล่านี้ผสมกัน จะกลายสีพิเศษที่เรียกว่าสีม่วงแดง ซึ่งสีพิเศษนี้จะทำให้กล้องบันทึกส่วนต่าง ๆ ของฉากด้วยสีที่ต่างกัน

ไฟสีเขียวจะทำให้กล้องบันทึกเฉพาะสิ่งที่อยู่ด้านหลังนักแสดง ในขณะที่ทำให้นักแสดงที่อยู่ด้านหน้าดูเป็นสีดำ ซึ่งวิธีการนี้จะทำให้กล้องจะบันทึกภาพสองส่วนแยกกันอย่างชัดเจน คือ ส่วนหนึ่งสำหรับพื้นหลัง และอีกส่วนหนึ่งสำหรับนักแสดงที่อยู่ด้านหน้า การนำ AI มาใช้ในระบบนี้จะทำให้สามารถเปลี่ยน green channel ได้แบบเรียลไทม์ ซึ่งหมายความว่าจะสามารถวางนักแสดงไว้ด้านหน้าฉากดิจิทัลอื่น ๆ ได้อย่างสมจริงในทันที แต่ที่น่าทึ่งไปกว่านั้น เทคโนโลยี MGS นี้สามารถจับภาพวัตถุได้อย่างแม่นยำไม่ว่าจะเป็นวัตถุโปร่งใสหรือรายละเอียดที่ซับซ้อน เช่น เส้นผมแต่ละเส้น ซึ่งเป็นสิ่งที่เหนือกว่าการใช้ Green Screen แบบเดิม ๆ อย่างชัดเจน

MGS ไม่ได้ช่วยลดขั้นตอนการถ่ายทำเท่านั้น Netflix ยังสามารถใช้เทคนิค MGS เพื่อคืนสเปกตรัมสีทั้งหมดในส่วนโฟร์กราวด์ โดยใช้ภาพถ่ายอ้างอิงของนักแสดงที่มีแสงตามปกติได้อีกด้วย Netflix เป็นเพียงหนึ่งในหลาย ๆ ธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วย AI โดยในขณะนี้บริษัทสตาร์ทอัพรายอื่น ๆ กำลังใช้ประโยชน์จากการใช้เทคโนโลยี AI เพื่อเพิ่มจำนวนผู้ใช้ให้มากขึ้น มอบประสบการณ์ที่ดีขึ้นให้กับลูกค้า และเพิ่มประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ของตน

อ้างอิง : https://siamblockchain.com/2023/07/11/netflix-ai-green-screen-magenta-visual-effects-movies/

ดูไบเตรียมใช้ AI เลเซอร์ ช่วยตรวจจับรอยแตกบนถนนได้ถึงระดับ 1 มิลลิเมตร

ดูไบเตรียมนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอ (AI) ตัวใหม่ มาใช้เพื่อตรวจจับข้อบกพร่องบนท้องถนน เช่น รอยแตก หรือร่องรอยการชำรุดต่าง ๆ เพื่อปรับปรุงเครือข่ายการขนส่งของเมืองและเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการใช้ถนนให้มากขึ้น โดยรถสายตรวจของสำนักงานเพื่อการขนส่งทางถนน (Road Transport Authority: RTA) ของดูไบ จะติดตั้งอุปกรณ์เอไอเลเซอร์ สำหรับสแกนเส้นทางถนน มอเตอร์เวย์ เพื่อตรวจหารอยร้าวและหลุมบ่อ ตลอดจนข้อบกพร่องอื่น ๆ ที่จำเป็นต้องซ่อมแซม เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น และทางองค์กรเคลมว่าเทคโนโลยีนี้ สามารถตรวจจับรอยแตกขนาดเล็กได้ถึง 1 มิลลิเมตร และสามารถระบุข้อบกพร่องบนถนนได้ถึง 13 ประเภท และมองว่าจะช่วยให้ทางการสามารถบำรุงรักษาถนนได้มากกว่าสองเท่าของการซ่อมแซมในปีที่แล้ว

สำหรับเบื้องหลังการทำงานของระบบนี้ ทางหน่วยงานเผยว่าตัวเทคโนโลยีใช้เซนเซอร์ขั้นสูงและอัลกอริทึมปัญญาประดิษฐ์ ระบุและวิเคราะห์ข้อบกพร่องของถนน โดยการสแกนพื้นผิวถนนและตรวจจับรอยร้าวทันที ด้วยกล้องความละเอียดสูง และความสามารถในการสแกนด้วยเลเซอร์ ซึ่งอัลกอริทึมปัญญาประดิษฐ์ของระบบ ก็จะประมวลผลข้อมูลที่จับได้ตามเวลาจริง โดยวิเคราะห์พารามิเตอร์ต่าง ๆ เช่น ความกว้างของรอยร้าว ความลึก และตำแหน่ง จากนั้นจะรายงาน เพื่อช่วยให้วิศวกรสามารถจัดลำดับความสำคัญและวางแผนการซ่อมแซมหรือปรับพื้นผิวโครงการใหม่ได้นอกจากนี้ตัวระบบ ยังสามารถนำมาใช้สร้างแผนที่เสมือนจริงของถนนในดูไบ ซึ่งมีความแม่นยำถึงร้อยละ 97 และด้วยการตรวจจับและแก้ไขรอยร้าวเหล่านี้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ก็จะช่วยยืดอายุการใช้งานโครงสร้างพื้นฐานของถนนและลดค่าบำรุงรักษาได้อีกด้วย

และนี่ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งของการใช้นวัตกรรมมาช่วยรักษาความปลอดภัยของเครือข่ายถนนที่กว้างใหญ่ภายในเมือง และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในงานบำรุงรักษาให้สามารถทำได้ตรงจุดมากขึ้น

อ้างอิง : https://www.tnnthailand.com/news/tech/150877/

เปิดตัว “xAI” บริษัทใหม่ของ Elon Musk เป้าหมายเพื่อ ‘เข้าใจธรรมชาติที่แท้จริงของจักรวาล’

xAI บริษัท AI ที่เพิ่งตั้งขึ้นใหม่ของ Elon Musk ได้เปิดเผยเว็บไซต์ใหม่ที่ให้รายละเอียดภารกิจและทีมงานที่ https://x.ai/ ซึ่งทาง Musk ทวีตว่าความตั้งใจของบริษัทคือการ “เข้าใจความเป็นจริง (understand reality)” โดยไม่มีรายละเอียดหรือคำอธิบายอื่นใดมาเกี่ยวข้อง “เป้าหมายของ xAI คือการเข้าใจธรรมชาติที่แท้จริงของจักรวาล” โดยทีมนี้นำโดย Elon Musk และรวมถึงสมาชิกในทีมที่เคยทำงานใน AI ที่มีชื่อเสียงอื่น ๆ เช่น OpenAI, Google Research, Microsoft Research และ DeepMind (ซึ่งเพิ่งถูกรวมเข้ากับ Google)

ปัจจุบันทีมของ xAI ได้รับคำแนะนำจาก Dan Hendrycks นักวิจัยที่ปัจจุบันเป็นผู้นำของ Center for AI Safety ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่มีเป้าหมายเพื่อ “ลดความเสี่ยงในระดับสังคมที่เกี่ยวข้องกับ AI”

มีการพูดถึงเกี่ยวกับ xAI ครั้งแรกในเดือนเมษายน เมื่อเอกสารที่ยื่นระบุว่า Musk ก่อตั้งบริษัทใน Nevada ในขณะนั้น Musk ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นผู้อำนวยการ โดยมี Jared Birchall ผู้อำนวยการสำนักงานครอบครัวของ Musk เป็นเลขานุการ ในเวลานั้นยังไม่ค่อยมีใครรู้จัก xAI แต่รายงานแนะนำว่า Musk ขอเงินทุนจาก SpaceX และ Tesla เพื่อเริ่มต้น

Musk เคยเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร AI รายใหญ่มาก่อน โดยร่วมก่อตั้ง OpenAI ในปี 2015 อย่างไรก็ตาม เขาเดินออกจากองค์กรในปี 2018 เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งทางผลประโยชน์กับ Tesla ซึ่งทำงานด้านนี้มากมายเช่นกัน เขาวิพากษ์วิจารณ์ OpenAI อย่างเปิดเผยและบอก Tucker Carlson เขากำลังทำงานเพื่อสร้างสิ่งที่เรียกว่า “TruthGPT”

อ้างอิง : https://www.theverge.com/2023/7/12/23792553/elon-musk-xai-artificial-intelligence-company

เปิดตัวแล้ว “NotebookLM” แอปฯ โน้ตขับเคลื่อนด้วย AI ของ Google

Project Tailwind ซึ่งเป็นเครื่องมือจดบันทึกที่สนับสนุนโดย AI ที่ Google เปิดตัวในการประชุม I/O Developer Conference ในปีนี้ กำลังจะรีแบรนด์ในชื่อ NotebookLM ซึ่งตัวแอปฯนั้นได้เปิดตัวในวันนี้สำหรับ “ผู้ใช้กลุ่มเล็ก ๆ ในสหรัฐอเมริกา”

การทำงานของ NotebookLM จะเริ่มต้นใน Google Docs เมื่อคุณเข้าไปในแอป คุณจะสามารถเลือกเอกสารจำนวนมาก จากนั้นใช้ NotebookLM เพื่อถามคำถามเกี่ยวกับเอกสารเหล่านั้น และสร้างเอกสารใหม่หรือสิ่งต่างๆ เกี่ยวกับพวกมัน

Google นำเสนอไอเดียเกี่ยวกับสิ่งที่คุณอาจทำได้ใน NotebookLM เช่น การสรุปเอกสารขนาดยาวโดยอัตโนมัติ หรือเปลี่ยนเคร้าโครงวิดีโอสั้นๆเป็นสคริปต์แบบละเอียด ตัวอย่างของ นอกจากนั้นคุณอาจขอสรุปบันทึกย่อของชั้นเรียนสำหรับสัปดาห์ที่ผ่านมาหรือให้ NotebookLM บอกทุกสิ่งที่คุณได้เรียนรู้เกี่ยวกับสงคราม Peloponnesian ในภาคการศึกษานี้ก็ได้

Google กล่าวว่าโมเดล NotebookLM เข้าถึงได้เฉพาะเอกสารที่คุณเลือกอัปโหลด และข้อมูลของคุณจะไม่สามารถเข้าถึงโดยผู้อื่น รวมไปถึงจะไม่ได้ถูกใช้เพื่อฝึกโมเดล AI ใหม่ เช่นกัน อย่างไรก็ตาม Google ขอให้ผู้ใช้ให้ข้อมูลส่วนตัวกับโมเดล AI เพื่อแลกกับคุณสมบัติที่มีประโยชน์และสะดวก และการแลกเปลี่ยนนั้นซับซ้อนมากขึ้นเมื่อข้อมูลมีความละเอียดอ่อนมากขึ้นนั่นอาจเป็นสาเหตุที่ Google เริ่มต้นจากจุดเล็กๆ NotebookLM ยังสามารถเข้าถึงได้ผ่านรายการรอใน Google Labs เท่านั้น

อ้างอิง : https://www.theverge.com/2023/7/12/23792382/google-notebooklm-tailwind-ai-notes

OpenAI จับมือ Shutterstock เทรนโมเดลด้วยรูปภาพในแพลตฟอร์มอีกหกปี

Shutterstock กำลังขยายความร่วมมือกับ OpenAI ไปอีก 6 ปี ทำให้บริษัท AI สามารถฝึกโมเดลของตนโดยใช้ รูปภาพ วิดีโอ เพลง และข้อมูลของ Shutterstock ในช่วงเวลาดังกล่าวได้

ความร่วมมือของเว็บไซต์ Shutterstock กับ OpenAI เริ่มขึ้นครั้งแรกในปี 2021 นั่นคือตอนที่ Shutterstock เริ่มให้บริษัทใช้ภาพเพื่อฝึกโมเดลแปลงข้อความเป็นภาพ DALL-E ซึ่งเป็นข้อตกลงที่ Sam Altman CEO ของ OpenAI อธิบายว่า “สำคัญ” ต่อโมเดลของพวกเขา โดยปีที่แล้ว Shutterstock ก็ได้เปิดตัว “กองทุนผู้สนับสนุน” เพื่อชดเชยศิลปินเมื่องานของพวกเขาถูกใช้เพื่อฝึกโมเดลของ OpenAI

ในเวลานั้น Shutterstock ยังผสานรวมโปรแกรมสร้างรูปภาพของ OpenAI เข้ากับเว็บไซต์โดยตรง และห้ามขายรูปภาพที่สร้างโดย AI ซึ่งไม่ได้สร้างขึ้นโดยใช้เครื่องมือ DALL-E ซึ่งตอนนี้ Shutterstock กำลังขยายการร่วมมือนี้และกล่าวว่าจะทำให้ผู้ใช้สามารถ “แก้ไขและแปลงภาพใดก็ได้ในไลบรารีของ Shutterstock ทั้งหมด” นอกจากนั้น Shutterstock ยังวางแผนที่จะนำคุณสมบัติ AI มาสู่ Giphy ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสร้าง GIF ที่ได้รับมาจาก Meta เมื่อต้นปีนี้อีกด้วย

Shutterstock เปิดรับ AI อย่างเต็มที่ไม่เหมือนกับแพลตฟอร์มแบ่งปันภาพอื่น ๆ เช่น Getty Images โดยทางศิลปินได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการที่ผลงานของพวกเขาถูกคัดลอกเพื่อฝึกโมเดล AI ซึ่ง Getty Images ได้จัดการด้วยการแบนเนื้อหาที่สร้างโดย AI จากแพลตฟอร์มโดยสิ้นเชิง Getty Images ยังฟ้อง Stability AI ซึ่งเป็นบริษัทที่อยู่เบื้องหลังเครื่องมือศิลปะ AI Stable Diffusion ด้วยข้อกล่าวหาว่า “คัดลอกและประมวลผลภาพนับล้านภาพที่ได้รับการคุ้มครองลิขสิทธิ์อย่างผิดกฎหมาย” บนเว็บไซต์ของบริษัทอีกด้วย

อ้างอิง : https://www.theverge.com/2023/7/11/23791528/openai-shutterstock-images-partnership

กระหึ่ม AI ผลงานอาลีบาบา คลาวด์ “Tongyi Wanxiang” เนรมิตรูป “ModelScopeGPT” ลุยงานซับซ้อน

แจ้งเกิด 2 เทคโนโลยี AI มาแรง “Tongyi Wanxiang” หรือทงอี้ ว่านเซี่ยง (‘Wanxiang’ หมายถึง ‘ภาพนับหมื่นๆ ภาพ) ที่หน่วยงานหลักด้านอินเทลลิเจนซ์ของอาลีบาบา กรุ๊ปอย่างอาลีบาบา คลาวด์ได้เปิดตัวไว้ที่งาน World Artificial Intelligence Conference 2023 อีกเทคโนโลยีคือ “ModelScopeGPT” เฟรมเวิร์กที่มีความสามารถรอบตัวและออกแบบมาเพื่อช่วยผู้ใช้งานบรรลุเป้าหมายการทำงานด้าน AI ที่ซับซ้อนและเฉพาะทางทั้งโดเมนภาษา วิชัน และคำพูด ด้วยการใช้ประโยชน์จากโมเดล AI ต่างๆ ที่ ModelScope มีให้

นายจิงเหริน โซว ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของอาลีบาบา คลาวด์ กล่าวว่า Tongyi Wanxiang เป็นตัวแทนของอีกหนึ่งความสำเร็จครั้งสำคัญในการสรรหาโมเดล generative AI ที่ล้ำหน้า เช่นเดียวกับที่บริษัทยังเดินหน้าสำรวจเทคโนโลยีที่เป็นการเปลี่ยนกระบวนทัศน์ต่างๆ เพื่อส่งเสริมให้ธุรกิจและชุมชนสามารถนำพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์ และความสามารถในการสร้างผลงานออกมาใช้งานได้มากขึ้น

“การเปิดตัว Tongyi Wanxiang จะช่วยให้การสร้างรูปภาพด้วย generative AI คุณภาพสูงได้รับการใช้งานอย่างกว้างขวางมากขึ้น และช่วยสนับสนุนการพัฒนาศิลปะที่เป็น innovative AI และการแสดงออกที่สร้างสรรค์ของธุรกิจในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น อีคอมเมิร์ซ เกม การออกแบบ และการโฆษณา”
ความพิเศษของ Tongyi Wanxiang อยู่ที่การเป็นโมเดล generative AI ที่ล้ำสมัย และพร้อมให้ลูกค้าองค์กรในประเทศจีนได้ทดสอบการใช้งานแบบ beta แล้ว เบื้องต้น Tongyi Wanxiang เป็นส่วนหนึ่งของโมเดล generative AI นี้สามารถจัดการงานต่างๆ ได้อย่างเชี่ยวชาญ สามารถตอบสนองต่อการป้อนข้อความ (text prompts) ภาษาจีนและภาษาอังกฤษ เพื่อสร้างรูปภาพที่เก็บรายละเอียดได้มากและหลากหลายสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นภาพที่ใช้สีน้ำ สีน้ำมัน และจิตรกรรมจีน ไปจนถึงแอนิเมชัน ภาพสเกตช์ ภาพประกอบที่เน้นความเรียบง่าย (flat illustration) และการ์ตูนสามมิติ

นอกจากนี้ โมเดลยังสามารถแปลงรูปภาพใดก็ได้ให้เป็นรูปภาพใหม่ที่มีสไตล์คล้ายกัน และกำหนดสไตล์ของรูปภาพผ่านการทรานส์เฟอร์สไตล์ ซึ่งจะคงเนื้อหาของรูปภาพต้นฉบับไว้ในขณะที่ใช้การมองเห็นสไตล์ของอีกภาพหนึ่ง

อ้างอิง : https://mgronline.com/cyberbiz/detail/9660000062594

‘การ์ทเนอร์’ เปิดข้อมูล ชี้ ‘ซีอีโอ’ มอง AI ส่งผลกระทบสูงสุดต่อภาคอุตฯ!!

การ์ทเนอร์ เผยผลสำรวจของซีอีโอและผู้บริหารระดับสูง พบว่า 21% ระบุว่าปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence หรือ AI) เป็นเทคโนโลยีสำคัญที่สุดและเชื่อว่าจะส่งผลกระทบอย่างมากต่ออุตสาหกรรมไปในอีก 3 ปีข้างหน้านี้

มาร์ค ราสกิโน รองประธานฝ่ายวิจัยของการ์ทเนอร์ กล่าวว่า “Generative AI จะส่งผลกระทบอย่างสูงต่อธุรกิจและรูปแบบการดำเนินงานต่าง ๆ อย่างไรก็ตามความกลัวที่จะตกเทรนด์หรือพลาดโอกาสทางธุรกิจกลับเป็นปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญของตลาดเทคโนโลยี โดย AI กำลังเข้าไปสู่จุดที่ผู้บริหารที่ยังไม่ลงทุนในเทคโนโลยีนี้เริ่มกังวลว่าพวกเขาอาจพลาดบางสิ่งที่สำคัญในการแข่งขัน”

คริสติน โมเยอร์ รองประธานฝ่ายวิจัยของการ์ทเนอร์ กล่าวว่า “เมื่อต้องจัดลำดับความสำคัญของการดำเนินธุรกิจ ซีอีโอรู้สึกลังเลแต่ยังเดินหน้าไปต่อ โดยซีอีโอเกินครึ่งเชื่อว่าภาวะเศรษฐกิจตกต่ำและถดถอยในปีนี้จะกินเวลาช่วงสั้น ๆ และผลสำรวจยังเผยให้เห็นว่ากระแสเงินสด เงินทุน และการระดมทุนมีการเพิ่มขึ้นเล็กน้อย”
แม้องค์กรจะเผชิญกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ถาโถมเข้ามา แต่ครึ่งหนึ่งของผู้บริหารระดับสูงระบุว่าการเติบโต (Growth) เป็นความสำคัญเชิงกลยุทธ์ทางธุรกิจอันดับแรกในอีกสองปีข้างหน้านี้ โดยยังให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีอยู่ในอันดับต้น ๆ รองลงมา คือ ประเด็นด้านแรงงาน

“หลังสามปีแห่งความผันผวน การจัดลำดับความสำคัญในการดำเนินธุรกิจของซีอีโอเริ่มมั่นคง โดยผู้นำในระดับผู้บริหารกำลังมองทะลุผ่านช่วงเวลาวิกฤตรอบด้านไปสู่ช่วงเวลาแห่งการขับเคลื่อนการแข่งขันในยุคถัดไปที่ยึดพนักงานที่มีความสามารถ (Talent) ความยั่งยืน (Sustainability) และการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล (Digital Transformation) เป็นปัจจัยขับเคลื่อนและสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน
โดยมีการกล่าวถึงความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้น 25% จากการสำรวจเมื่อปีก่อน นับเป็นครั้งแรกที่ความยั่งยืนติด 10 อันดับแรกของความสำคัญเชิงกลยุทธ์ทางธุรกิจ และการ์ทเนอร์คาดการณ์ว่า ภายในปี 2569 ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมจะมีความสำคัญสูงกว่าหมวดเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง

อ้างอิง : https://www.bangkokbiznews.com/tech/gadget/1078337

ออกกฎเข้ม Mastercard เปิดตัว AI จับบัญชีม้า หลอกโอนเงิน

ไม่ใช่แค่ในไทยที่โดนมิจฉาชีพหลอกดูดเงินจากธนาคาร แต่คนในอังกฤษก็โดนเหมือนกัน แถมพบสถิติว่าเหยื่อถูกหลอกให้โอนเงินเป็นจำนวนมากกว่า 100 ล้านปอนด์ต่อปี

Mastercard จึงใช้ประโยชน์จากปัญญาประดิษฐ์หรือ AI มาสู้กับแก๊งมิจฉาชีพ ด้วยการเปิดตัวโซลูชันใหม่ “Consumer Fraud Risk” ลดความเสี่ยงให้กับผู้ใช้งานหวังปิดช่องทางหลอกโอนเงิน
โดยร่วมมือกับธนาคารในอังกฤษทั้งหมด 9 แห่ง รวมถึง Lloyds Bank , Halifax , Bank of Scotland , NatWest , Monzo และ TSB Mastercard

โดย AI จะสแกนตรวจจับบัญชีม้าได้แบบเรียลไทม์ก่อนที่เหยื่อจะทำธุรกรรมผ่านแอปพลิเคชัน รวมไปถึงช่วยเฝ้าระวังป้องกันการชำระเงินจากการหลอกลวงทุกประเภท
ระบบจะยังสามารถติดตามความเคลื่อนไหวของบัญชีม้าย้อนหลังนานกว่า 5 ปี เช็คข้อมูลเชิงลึกต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็น ชื่อบัญชี ประวัติการโอนเงินไปยังบัญชีต้นทาง และส่งแจ้งเตือนไปยังธนาคารทันที เพื่อให้เช็คและทำการปิดบัญชี

หลังจากเริ่มทดลองทำงานร่วมกับ AI พบว่า ระบบสามารถสแกนบัญชีม้าได้จริง ระงับการโอนเงินและแจ้งเตือนผู้ใช้ได้สำเร็จ
และคาดว่า Mastercard จะพัฒนาระบบให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อเท่าทันมิจฉาชีพที่ปัจจุบันได้ใช้กลโกงหลายวิธีมาหลอกเหยื่อ

อ้างอิง : https://www.techhub.in.th/mastercard-ai-payment-scams/

—————————————————————————————-

ทั้งหมดเป็นข่าวที่น่าสนใจใน  7 – 13 กรกฎาคม 2566 พบกันใหม่ในสัปดาห์หน้านะคะ : )

หากมีข้อสงสัย ติชมสามารถ ติดตามและสอบถามได้ที่
 : AIไทยสามารถ โดย AI for all Thailand



เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

อนุญาตทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึก