ข่าว AI รอบโลก – สัปดาห์ที่ 3 เดือน กรกฎาคม 2023

กทม.ใช้ AI คุมสัญญาณไฟจราจร นำร่อง 3 เส้นทาง

กทม.นำเทคโนโลยีควบคุมสัญญาณไฟจราจรนำร่องใน 3 เส้นทางที่มีการจราจรติดขัด ก็มีถนนรัชดาภิเษก ประเสริฐมนูกิจ ราชพฤกษ์ ด้วยการปรับสัญญาณไฟจราจรให้สอดคล้องกับปริมาณจราจรแต่ละช่วงเวลา

กรุงเทพมหานครเตรียมใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการควบคุมสัญญาณไฟจราจร ให้สอดคล้องกับปริมาณจราจรแต่ละช่วงเวลา เริ่มจากจุดสำคัญ 3 เส้นทางนำร่อง เป็นถนนสายหลักที่มีการจราจรติดขัด ก็ได้แก่ ถนนรัชดาภิเษก ถนนประเสริฐมนูกิจ และ ถนนราชพฤกษ์ ด้วยการปรับสัญญาณไฟจราจรให้ฉลาดขึ้น โดยปรับสัญญาณไฟจราจรให้มีข้อมูลจากปริมาณจราจรที่แท้จริง วิเคราะห์ปริมาณจราจรจากกล้องที่มีอยู่แล้ว

นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าฯ กทม.กล่าวว่า สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร หรือ สนข.ได้ทำระบบ AI ขึ้นมา เพื่อดูปริมาณจราจรในแต่ละช่วงเวลาวิเคราะห์จุดติดจุดฝืดในช่วงเวลาต่าง ๆ และหาวิธีการแก้ไข เช่น การปรับสัญญาณไฟให้สอดคล้องกับปริมาณจราจร ซึ่ง 3 เส้นทางนี้ จะเริ่มดำเนินการทำทันที กล้องใน กทม. 60,000 ตัว ที่มีอยู่ขณะนี้ใช้ดูเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก โดยใช้ในด้านจราจรมีเพียง 1,000 กว่าตัว รวมถึงคุณภาพกล้องและมุมกล้องอาจไม่สอดคล้องที่จะนำมาใช้ร่วมกับโครงการนี้ และต้องมีการปรับปรุงติดตั้งกล้องเพิ่มบางเส้นทาง คือ ถนนรัชดาภิเษก เนื่องจากมีหลายทางแยก ปริมาณกล้องยังไม่ครอบคลุม

รองผู้ว่าฯ กทม.กล่าวด้วยว่า การเปิดสัญญาณไฟจราจรเดิมมีการวิเคราะห์ปริมาณจราจรจริง แต่เป็นการกำหนดเป็นช่วง ๆ ลักษณะต่างกันในแต่ละช่วงเวลา ช่วงเช้า กลางวัน เย็น หรือ เสาร์ อาทิตย์ ซึ่งอาจไม่สอดคล้องกับปริมาณจราจรที่แท้จริง โดยการดำเนินการโครงการนี้จะทำครอบคลุม 127 จุด ผลการศึกษาคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในเดือน ก.ย.นี้ ซึ่ง 127 จุดดังกล่าวเป็นจุดที่ปรับได้ไม่ยาก เป็นการแก้ปัญหาใช้ระยะเวลาสั้น และใช้งบประมาณให้น้อยที่สุด

กทม.ตั้งเป้าเรื่องการจราจรต้องดีขึ้นภายใน 1 ปี รวมทั้งแก้ปัญหาด้านการปรับกายภาพ การปรับคอขวด ปรับจุดกลับรถ รวมทั้งป้ายรถเมล์

อ้างอิง : https://www.thaipbs.or.th/news/content/329769

อดีตผู้บริหาร Google คาด “AI sex โรบอท” อาจเข้ามาทำหน้าที่แทน “คู่นอนของคุณ” ในอนาคต

Mo Gawdat อดีต Chief Business Officer ของ Google กล่าวในรายการ Impact Theory Podcast ว่าหุ่นยนต์ AI แบบสมจริงกำลังจะมาถึงในเร็ว ๆ นี้ และอาจทำให้ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดของมนุษย์กลายเป็นเรื่องเก่าล้าสมัย นอกจากนี้ Gawdat ยังคาดการณ์ถึงอนาคตไว้อย่างน่าตกใจด้วยว่า ในอีกไม่ช้า “ความจริงเสมือน” และ “ความจริงเสริม” จะทำให้ผู้คนได้รับประสบการณ์ทางเพศแบบจำลองที่เหมือนกับประสบการณ์ในชีวิตจริงจนแยกไม่ออก
“ลองคิดถึงภาพลวงตาทั้งหมดที่เราไม่สามารถแยกออกจากความเป็นจริงได้ มันไม่ใช่เรื่องยากที่สมองและร่างกายจะจำลองเซ็กส์ที่เกิดขึ้น” Gawdat กล่าวในรายการ Podcast
ตามคำกล่าวของเขา การพัฒนาเทคโนโลยีที่เชื่อมโยงเข้ากับระบบประสาทโดยตรงอย่าง Neuralink อาจทำให้มนุษย์ไม่ต้องการคู่นอนก็เป็นได้ “เพราะถ้าคุณสามารถใช้เทคโนโลยีเพื่อสัมผัสสิ่งที่คู่ของคุณทำให้คุณรู้สึกได้ แล้วทำไมคุณถึงต้องการคนอื่นตั้งแต่แรก?” Gawdat ตั้งข้อสังเกต

นอกจากนี้ Gawdat ยังชี้ให้เห็นด้วยว่า “ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นจากอารมณ์และจิตใจก็สามารถสร้างขึ้นใหม่ได้ผ่านการส่งสัญญาณในสมอง” แต่ในขณะเดียวกัน เขากลับปฏิเสธข้อถกเถียงที่ว่า “AI มีความรู้สึกจริงหรือไม่” โดยให้เหตุผลว่าคำถามนี้ไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นดังกล่าวเลย ถ้าหากผู้คนเชื่อว่าภาพลวงตานั้นมีอยู่จริง
สำหรับ Gawdat แนวคิดเรื่องการมีเซ็กส์กับหุ่นยนต์แบบสมจริงที่ถูกสร้างมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ แทนที่จะมีประสบการณ์ทางเพศเสมือนจริงด้วย AI สิ่งนี้จะมีจุดประสงค์เดียวกัน และจะถูกนำมาใช้ในอนาคต ถึงแม้ว่าอนาคตตามมุมมองของ Gawdat จะดูเป็นจริงได้ยาก แต่มุมมองของเขาก็สอดคล้องกับพัฒนาการด้านอื่น ๆ ของ AI ในแง่ของการใช้งานเพื่อธุรกิจและด้านการตลาด

โดยเมื่อไม่นานมานี้ Caryn Marjorie นักธุรกิจและอินฟลูเอ็นเซอร์ชื่อดัง ได้สร้าง “CarynAI” AI chatbot ที่สร้างจากเสียงของตัวเธอเอง เพื่อให้เป็น “แฟนสาว AI” สำหรับใครก็ตามที่ต้องการใครสักคนเพื่อพูดคุย ปลอบโยน หรือให้ความรัก โดยในปัจจุบัน มีผู้คนกว่า 1,000 คนกำลังจ่ายเงิน 1 ดอลลาร์ต่อนาทีเพื่อคุยแฟนสาวอย่าง CarynAI

อ้างอิง : https://siamblockchain.com/2023/07/19/former-google-exec-predicts-ai-sex-robots-replace-humans/

Microsoft Teams เพิ่มฟีเจอร์ ‘การแต่งหน้า’ ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ของ Maybelline

Microsoft ได้ประกาศชุดฟิลเตอร์ “”การแต่งหน้าเสมือนจริง (virtual makeup)”” ซึ่งคล้ายกับเอฟเฟ็กต์การปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ที่เห็นได้ทั่วไปในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เช่น ฟีเจอร์ Bold Glamour ของ TikTok ที่จะมาอยู่ใน Microsoft Teams โดยได้รับความอนุเคราะห์จาก Maybelline ยักษ์ใหญ่ด้านเครื่องสำอาง

แอป Maybelline Beauty จะให้ผู้ใช้ Teams มีรูปลักษณ์ที่ไม่ซ้ำใคร 12 แบบ พร้อมตัวเลือกให้เลือกจากเอฟเฟกต์การเบลอภาพและตัวเลือกสีการแต่งหน้าแบบดิจิทัล ซึ่งจะแสดงรายละเอียดของผลิตภัณฑ์และเฉดสีของเมย์เบลลีนจริงๆ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถสร้างการแต่งหน้าบนใบหน้าจริงของตนได้ บริษัทต่างๆ มักจะใช้ประสบการณ์ “”การทดลอง”” เสมือนจริงเหล่านี้เพื่อโปรโมตผลิตภัณฑ์จริงของพวกเขา

เทคโนโลยี AI ที่ขับเคลื่อนฟิลเตอร์แต่งหน้าเสมือนจริงนั้นให้บริการโดย Modiface ซึ่งเป็นบริษัท augmented reality ที่มุ่งเน้นไปที่อุตสาหกรรมความงาม เทคโนโลยีของ Modiface เป็นหนึ่งในข้อเสนอที่ได้รับความนิยมมากที่สุดสำหรับประสบการณ์ “ลองใช้” การแต่งหน้าเสมือนจริง และถูกใช้โดยบริษัทเครื่องสำอางหลายแห่ง เช่น Sephora และ Estée Lauder ฟีเจอร์ใหม่กำลังเผยแพร่สู่ลูกค้า Microsoft Teams Enterprise ทั่วโลกตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ซึ่งจะอยู่ใน “”เอฟเฟกต์วิดีโอ”” ภายในการตั้งค่าการประชุม Teams

เป็นเรื่องแปลกเล็กน้อยที่คิดว่าฟิลเตอร์ความงามมีอยู่ในแอปสื่อสารระดับมืออาชีพนอกขอบเขตของโซเชียลมีเดีย อย่างไรก็ตามมีหลักฐานมากมายที่บ่งชี้ว่าตัวกรองที่ออกแบบมาเพื่อปรับปรุงหรือปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ของคุณอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพจิต เนื่องจากความคาดหวังสำหรับภาพลักษณ์ร่างกายที่อาจจะไม่ได้ตรงความเป็นจริง

อ้างอิง : https://www.theverge.com/2023/7/19/23800648/microsoft-teams-maybelline-ai-beauty-filter-virtual-makeup

Wix ให้คุณสร้างเว็บไซต์ทั้งหน้าเพียงพิมพ์ข้อความคุยกับ AI

Wix เครื่องมือสร้างเว็บไซต์ที่ใช้เทมเพลตได้ประกาศว่าเร็ว ๆ นี้จะให้คุณสร้างเว็บไซต์ทั้งหมดโดยพิมพ์คำอธิบายลงในช่องและตอบคำถามอีกเพีนวสองสามข้อเท่านั้น ทุกอย่างตั้งแต่การออกแบบไปจนถึงข้อความและรูปภาพจะถูกสร้างขึ้นโดยอัตโนมัติสำหรับคุณอย่างรวดเร็ว ในอดีต บริษัทอย่าง Wix และ WordPress.com ให้คุณสร้างเว็บไซต์โดยใช้เทมเพลตที่คุณสามารถปรับแต่งได้ตามใจชอบ แต่ Wix กล่าวว่าฟีเจอร์ AI Site Generator ใหม่นี้เป็นมากกว่าเทมเพลต โดยใช้ AI และอัลกอริทึมเพื่อสร้างเว็บไซต์ที่ “”ไม่เหมือนใคร””

Yaara Asaf หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ Wix กล่าวว่าในขณะนี้ บริษัทใช้ AI รุ่นใหม่ๆ เช่น ChatGPT, DALL-E และเครื่องมือของบริษัทเอง โดย ChatGPT จะจัดการกับการสร้างข้อความ สำหรับ DALL-E และโมเดล AI ของบริษัทเองจะจัดการส่วนที่เหลือ หากเครื่องมือสร้างเว็บไซต์ AI ใหม่ของ Wix ทำงานได้ดีพอ ก็อาจทำให้การสร้างเว็บไซต์เข้าถึงได้ง่ายขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา

วิดีโอนำเสนอฟีเจอร์ใหม่ เริ่มด้วย “Wix AI” ที่ถามว่าเว็บไซต์จะมีไว้เพื่ออะไร ในวิดีโอ ผู้ใช้เขียนว่าพวกเขาต้องการไซต์ฟิตเนสและให้รายละเอียดบางอย่างเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาเสนอ จากนั้นแชทบอทจะถามว่าควรคำนึงถึงรายละเอียดอื่นๆ หรือไม่ และในขั้นตอนสุดท้ายจะแสดงรูปภาพตัวอย่างบางส่วนของเทรนเนอร์ฟิตเนสและขอให้ผู้ใช้เลือกรูปที่ “”แสดงถึงผลลัพธ์ที่คุณต้องการในแง่ของสไตล์และความรู้สึกได้ดีที่สุด”” ผู้ใช้เลือกหนึ่งรายการแล้วคลิก “”สร้างไซต์”” หลังจากนั้นภายในไม่กี่วินาทีก็ก็จะได้เว็บไซต์ออกมา

อย่างไรก็ตามปัจจุบันเมื่อบริษัทต่างๆที่ให้บริการเกี่ยวกับ AI ตกเป็นเป้าในคดีละเมิดลิขสิทธิ์มากขึ้นเรื่อยๆ จึงมีคำถามว่าใครต้องรับผิดชอบหากมีคนฟ้องคุณเกี่ยวกับเว็บไซต์บางส่วนที่สร้างโดย Wix AI?

อ้างอิง : https://www.theverge.com/2023/7/17/23796600/wix-ai-generated-websites-chatgpt

จีนออกคำสั่งให้ AI ต้องปฏิบัติตาม “ค่านิยมหลักของสังคมนิยม”

จีนได้ออกแนวทางใหม่เกี่ยวกับบริการ generative AI โดยจำกัดการใช้งานสาธารณะในขณะที่ส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรม สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า Cyberspace Administration of China (CAC) ได้มีการลดท่าทีลงเมื่อเทียบกับร่างกฎในเดือนเมษายน กฎระเบียบชั่วคราวใหม่เหล่านี้จะมีผลในวันที่ 15 สิงหาคม ซึ่งจะมีผลเฉพาะกับองค์กรที่ให้บริการ generative AI แก่สาธารณะเท่านั้น หน่วยงานอื่นๆ ที่พัฒนาเทคโนโลยีเดียวกันแต่ไม่ได้มีไว้สำหรับตลาดมวลชนจะไม่อยู่ภายใต้มาตรการนี้

อย่างไรก็ตามในกฎหมายของพวกเขายังคงกำหนดให้บริการ generative AI ต้อง “”ยึดมั่นในค่านิยมหลักของสังคมนิยม”” และไม่พยายามที่จะล้มล้างอำนาจรัฐหรือระบบสังคมนิยม แต่นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับจีน ซึ่งเป็นประเทศที่มีชื่อเสียงในการควบคุมการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและการแพร่กระจายของข้อมูลภายในขอบเขตของตน รัฐบาลได้บอกยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีไม่ให้เข้าถึง ChatGPT เนื่องจากกลัวว่าแชทบอทจะให้ “การตอบกลับโดยไม่เซ็นเซอร์” แม้ว่าเครื่องมือดังกล่าวจะไม่สามารถใช้ได้ในจีนก็ตาม เจ้าหน้าที่ยังปราบปรามประชาชนที่ใช้ ChatGPT โดยจับกุมชายคนหนึ่งที่ถูกกล่าวหาว่าใช้แชทบอทเพื่อเขียนบทความปลอม

ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของจีนอย่าง Alibaba และ Baidu กำลังพัฒนาเครื่องมือสร้าง AI ของตนเอง Baidu นำเสนอแชทบอท Ernie เป็นครั้งแรกเมื่อต้นปีนี้

รัฐบาลจีนกล่าวว่าจะสนับสนุนการพัฒนาเจเนอเรทีฟเอไอ รวมถึงการสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานและการฝึกอบรมสาธารณะ แน่นอนว่าจีนไม่ใช่ประเทศเดียวที่พยายามสร้างสมดุลระหว่างนวัตกรรม AI และความปลอดภัยสาธารณะ สหภาพยุโรปยังคงพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ AI ในขณะที่ฝ่ายบริหารของ Biden มีแผนสนับสนุนการพัฒนา AI ในขณะเดียวกัน คณะกรรมาธิการการค้าแห่งสหพันธรัฐของสหรัฐฯ ได้ทำการสอบสวนผู้ผลิต ChatGPT OpenAI ในสัปดาห์นี้เพื่อหาอันตรายต่อผู้บริโภค

อ้างอิง : https://www.theverge.com/2023/7/14/23794974/china-generative-ai-regulations-alibaba-baidu

คณะมนตรีความมั่นคง UN จัดประชุมหารือความเสี่ยง AI เป็นครั้งแรก

วันที่ 18 กรกฎาคม 2566 คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (United Nations Security Council: UNSC) ได้จัดการประชุมว่าด้วยประเด็นเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์หรือ AI เป็นครั้งแรก โดยมีการหารือถึงความเสี่ยงของ AI และความจำเป็นที่ต้องกำกับดูแล

อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการ UN กล่าวเปิดประชุมโดยระบุว่า “AI นั้นมีศักยภาพในการปรับปรุงด้านการดูแลสุขภาพ การศึกษา และด้านอื่นๆ ของชีวิตผู้คน” แต่ตั้งข้อสังเกตว่า ‘ปัญญาประดิษฐ์เชิงกำเนิด’ (Generative AI) นั้นมีศักยภาพมหาศาลสำหรับการกระทำในสิ่งที่ดีและเลวร้ายในวงกว้าง

โดยเขายังเตือนว่า การใช้เทคโนโลยีในทางที่ผิดอาจส่งผลร้ายแรงต่อสันติภาพและความมั่นคงของโลก และชี้ว่า AI สามารถถูกนำไปใช้เพื่อเผยแพร่ข้อมูลที่บิดเบือนและทำสิ่งอื่นๆ ในเชิงลบได้

“หากปราศจากการดำเนินการเพื่อจัดการกับความเสี่ยงเหล่านี้ เรากำลังละทิ้งความรับผิดชอบของเราที่มีต่อคนรุ่นปัจจุบันและอนาคต” เขากล่าว พร้อมทั้งเรียกร้องให้มีการสร้างกฎระเบียบระหว่างประเทศเพื่อควบคุมความเสี่ยงที่เกิดจาก AI

ทั้งนี้ ผู้แทนจากหลายประเทศสมาชิกยังกล่าวว่า UN ควรทำงานร่วมกับบริษัทเอกชนและผู้เชี่ยวชาญ เพื่อสร้างกรอบการทำงานระหว่างประเทศ

ขณะที่กูเตอร์เรสยังเรียกร้องให้ห้ามผลิตและใช้งานระบบอาวุธทำลายล้างอัตโนมัติ ซึ่งทำงานโดยปราศจากการควบคุมหรือการกำกับดูแลของมนุษย์ และแสดงความตั้งใจที่จะกระตุ้นให้ประเทศสมาชิกเริ่มการเจรจาเกี่ยวกับการแบนอาวุธทำลายล้างอัตโนมัติดังกล่าว

อ้างอิง : https://thestandard.co/unsc-first-meeting-to-discuss-ai-risks/

“HYBE” ค่ายเพลงเกาหลี ทุบกำแพงทางภาษาด้วย AI

โปรดิวเซอร์จากค่ายเพลง HYBE ต้นสังกัดวงบอยแบนด์ K-POP ระดับโลกอย่าง BTS ได้นำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ผสมผสานเข้ากับเสียงร้องของศิลปินชาวเกาหลีใต้จนสามารถสร้างสรรค์ผลงานเพลงใน 6 ภาษาที่แตกต่างกัน

เทคโนโลยีที่ค่ายเพลง HYBE ซึ่งเป็นค่ายเพลงที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้ใช้ ทำให้พวกเขาสามารถเปิดตัวศิลปินใหม่ของค่ายอย่าง “MIDNATT” ซึ่งสามารถปล่อยผลงานเพลงได้ใน 6 ภาษา ทั้งภาษาเกาหลี ภาษาอังกฤษ ภาษาสเปน ภาษาจีน ภาษาญี่ปุ่น และภาษาเวียดนาม

ที่ผ่านมา นอกจากภาษาเกาหลีซึ่งเป็นภาษาแม่แล้วแล้ว ศิลปิน K-POP บางส่วน อาจเลือกปล่อยผลงานเพลงในเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษและภาษาญี่ปุ่น แต่การใช้เทคโนโลยีใหม่ของ HYBE ด้วยการเผยแพร่ผลงานเพลงพร้อมกันถึง 6 ภาษา ถือเป็นครั้งแรกที่เคยเกิดขึ้นในระดับโลก ซึ่งอาจเป็นตัวช่วยปูทางให้ศิลปิน K-POP ได้รับความนิยมมากขึ้นและเชื่อมต่อกับแฟนคลับจากหลายพื้นที่ที่มีความแตกต่างกันทางด้านภาษาได้มากขึ้นกว่าเดิม

อย่างไรก็ตาม Chung Wooyong หัวหน้าฝ่ายสื่ออินเทอร์แอคทีฟของ HYBE กล่าวว่า ต้องรอดูเสียงตอบรับจากผู้ฟังก่อน จึงจะสามารถตัดสินใจได้ว่าควรดำเนินโครงการนี้ต่อไปอย่างไร

Lee Hyun วัย 40 ปี ถือเป็นผู้อยู่เบื้องหลังโครงการ MIDNATT นี้ ได้นำความสามารถของปัญญาประดิษฐ์มาจำลองเสียงร้องและพัฒนาเพลง ‘Masquerade’ ที่ถ่ายทอดออกมาใน 6 ภาษาด้วยกัน โดยในขั้นตอนการบันทึกเสียง เจ้าของภาษานั้นๆจะมีส่วนเข้ามาช่วยอ่านเนื้อเพลง ก่อนจะให้ปัญญาประดิษฐ์ช่วยผสมผสานเสียงร้องกับดนตรีเข้าด้วยกันในภายหลัง

เพลง ‘Masquerade’ นับเป็นหนึ่งในสัญญาณที่ชี้ให้เห็นว่าเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เริ่มเข้ามามีอิทธิพลมากขึ้นในอุตสาหกรรมเพลง

ขณะที่ Choi Hee-doo ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Supertone ชี้ว่า การใช้เทคโนโลยี deep learning หรือการเรียนรู้แบบอัตโนมัติซึ่งเลียนแบบการทำงานจากโครงข่ายประสาทของมนุษย์ และขับเคลื่อนด้วยเฟรมเวิร์ก Neural Analysis and Synthesis (NANSY) ทำให้เสียงร้องดูเป็นธรรมชาติและสมจริงมากขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้ซอฟต์แวร์อื่นที่ไม่ใช้ปัญญาประดิษฐ์

ทั้งนี้ ในเดือนมกราคม HYBE ประกาศซื้อกิจการ Supertone ด้วยมูลค่า 45 พันล้านวอน โดยระบุว่ามีแผนที่จะทำให้สาธารณะชนสามารถเข้าถึงเทคโนโลยี AI ได้ แต่ยังไม่มีรายละเอียดว่าค่ายเพลงดังกล่าวจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมสำหรับการใช้งานหรือไม่

อ้างอิง : https://www.posttoday.com/international-news/697348

—————————————————————————————-

ทั้งหมดเป็นข่าวที่น่าสนใจใน  14 – 20 กรกฎาคม 2566 พบกันใหม่ในสัปดาห์หน้านะคะ : )

หากมีข้อสงสัย ติชมสามารถ ติดตามและสอบถามได้ที่
 : AIไทยสามารถ โดย AI for all Thailand



เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

อนุญาตทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึก