ข่าว AI รอบโลก – สัปดาห์ที่ 1 เดือน ตุลาคม 2023

Google เปิดตัว Assistant เวอร์ชันปรับปรุงด้วย AI

ในระหว่างงาน Made by Google ซึ่งเป็นงานที่ทาง Google ได้เปิดตัวฮาร์ดแวร์ Pixel 8 และ Pixel Watch 2 รุ่นใหม่ Google ยังได้ประกาศเปิดตัว Assistant with Bard ซึ่งใช้ประโยชน์จาก AI ที่ให้ความช่วยเหลือส่วนบุคคลแก่ผู้ใช้ ซึ่งทางบริษัทกล่าวว่าผู้ช่วยที่ปรับปรุงด้วย AI ใหม่แบบใหม่นี้สามารถทำสิ่งต่างๆ ได้ เช่น ช่วยวางแผนการเดินทางครั้งต่อไป ค้นหารายละเอียดในกล่องจดหมายอีเมลของคุณ หรือสร้างรายการซื้อของชำให้คุณ

Assistant with Bard จะทำงานร่วมกับแอปที่มีอยู่ของบริษัทบางส่วน เช่น Gmail และ Doc เพื่อช่วยคุณค้นหาและสรุปข้อมูล นอกจากนี้ คุณยังโต้ตอบกับเครื่องมือผ่านข้อความ เสียง หรือรูปภาพได้ด้วย

เพื่อเป็นตัวอย่างว่าเครื่องมือนี้ทำอะไรได้บ้าง Google บอกว่าคุณสามารถขอให้ Assistant พร้อม Bard สร้างคำบรรยายให้กับรูปภาพที่คุณต้องการโพสต์ลงโซเชียลมีเดียได้ นอกจากนี้ Bard สามารถสร้างแฮชแท็กที่เกี่ยวข้องกับภาพเหล่านั้นได้ด้วย

ปัจจุบัน Assistant with Bard ยังไม่พร้อมใช้งานทันที โดยทาง Google กำลังเปิดตัวให้ผู้ทดสอบรุ่นแรก “เร็ว ๆ นี้” ก่อนที่จะมาถึงบน Android และ iOS “ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า”

อ้างอิง : https://www.theverge.com/2023/10/4/23903101/google-assisant-with-bard-ai

นักวิจัยเรียกร้องอัลกอริธึม AI เทียบเฉดสีผิวที่หลากหลายมากกว่าแค่ขาว-ดำ

ในขณะที่อุตสาหกรรม AI มุ่งเน้นไปที่การทำให้อัลกอริทึมมีอคติน้อยลงโดยพิจารณาจากความเข้มของโทนสีผิวของผู้คน การวิจัยใหม่จาก Sony กำลังเรียกร้องให้คำนึงถึงเฉดสีผิวสีแดงและสีเหลืองด้วย ในบทความที่ตีพิมพ์เมื่อเดือนที่แล้ว ผู้เขียน William Thong และ Alice Xiang จาก Sony AI รวมถึง Przemyslaw Joniak จากมหาวิทยาลัยโตเกียว หยิบยกการวัดสีผิว “หลายมิติ” มากขึ้นด้วยความหวังว่าจะนำไปสู่ความหลากหลาย

นักวิจัยได้ดึงความสนใจไปที่อคติเรื่องสีผิวในระบบ AI มาหลายปีแล้ว ซึ่งรวมถึงการศึกษาที่สำคัญในปี 2018 ของ Joy Buolamwini และ Timnit Gebru ที่พบว่า AI มีแนวโน้มที่จะเกิดความไม่ถูกต้องมากกว่าเมื่อใช้กับผู้หญิงที่มีผิวสีเข้ม เพื่อเป็นการตอบสนอง บริษัทต่างๆ ได้เพิ่มความพยายามในการทดสอบว่าระบบของตนทำงานกับสีผิวที่หลากหลายได้อย่างแม่นยำเพียงใด

ปัญหาตามการวิจัยของ Sony คือเครื่องมือปัจจุบันจะระบุไปที่ความขาวหรือความดำของสีผิวเป็นหลัก Alice Xiang หัวหน้าฝ่าย AI Ethics ระดับโลกของ Sony กล่าวกับ Wired “ความหวังของเราก็คืองานที่เรากำลังทำอยู่ที่นี่สามารถช่วยทดแทนระดับสีผิวที่มีอยู่ซึ่งเน้นไปที่ขาวและดำเท่านั้น” นักวิจัยของ Sony ได้ตั้งข้อสังเกตเป็นพิเศษว่าระดับการทำงานของ AI ในปัจจุบันไม่ได้คำนึงถึงอคติต่อ “ชาวเอเชียตะวันออก เอเชียใต้ ฮิสแปนิก บุคคลในตะวันออกกลาง และคนอื่นๆ ที่อาจไม่สอดคล้องกับสเปกตรัมสีอ่อนถึงสีเข้ม” ตัวอย่างเช่น การวิจัยของ Sony พบว่าชุดข้อมูลรูปภาพทั่วไปมีจำนวนคนที่มีผิวสีอ่อนกว่าและมีสีแดงมากกว่า ในขณะที่มีสีผิวที่เข้มกว่าและเหลืองน้อยกว่า สิ่งนี้อาจทำให้ระบบ AI มีความแม่นยำน้อยลง โดย Sony พบว่าเครื่องมือครอบตัดรูปภาพของ Twitter และอัลกอริทึมการสร้างรูปภาพอีกสองรายการชอบผิวที่มีสีแดงมากกว่า ในขณะที่ระบบ AI อื่นๆ เข้าใจผิดจัดประเภทคนที่มีสีผิวสีแดงกว่าเป็น คนที่มีลักษณะท่าทางที่ “อารมณ์ดีมากกว่า”

อย่างไรก็ตาม Wired รายงานว่าผู้เล่น AI รายใหญ่สองสามรายยินดีกับการวิจัยของ Sony โดยทั้ง Google และ Amazon กำลังตรวจสอบงานวิจัยนี้

อ้างอิง : https://www.theverge.com/2023/10/4/23902728/ai-bias-skin-tone-hue-sony-research-artificial-intelligence-ethics

เปิดตัว Zoom Docs พร้อมฟีเจอร์การทำงานร่วมกันด้วย AI

ที่งาน Zoomtopia 2023 ที่ผ่านมา Zoom ได้ประกาศ Zoom Docs ซึ่งเป็น “พื้นที่ทำงานแบบโมดูลาร์” ที่เน้นการทำงานร่วมกัน ซึ่งผสานรวม Zoom AI Companion ของบริษัทเพื่อสร้างเนื้อหาใหม่หรือเติมเอกสารจากแหล่งอื่น.

นอกเหนือจาก Mail และ Calendar ที่เปิดตัวในช่วงงานปีที่แล้ว Zoom Docs ยังเป็นอีกก้าวหนึ่งของทางเลือกชุดสำนักงานเต็มรูปแบบแทน Google Workspace และ Microsoft 365 ซึ่งทั้งคู่ได้เริ่มผสานรวมเครื่องมือที่ขับเคลื่อนด้วย AI ของพวกเขาเองซึ่งมีชื่อว่า Duet AI และ Copilot

Zoom AI Companion รวมอยู่ในราคาแผนการสมัครสมาชิกแบบชำระเงินของบริษัท ซึ่งเริ่มต้นที่ 149.90 ดอลลาร์ต่อปีต่อผู้ใช้งาน เมื่อเทียบกับคู่แข่ง Microsoft เรียกเก็บเงินเพิ่มอีก 30 เหรียญต่อผู้ใช้ต่อเดือนสำหรับ 365 Copilot และ Google ได้กล่าวว่าจะทำเช่นเดียวกัน ทาง Zoom ไม่ได้ระบุราคาเฉพาะสำหรับแอป Zoom Docs แต่รวมสิทธิ์การเข้าถึง “แอปที่จำเป็น” เป็นเวลาหนึ่งปีด้วยการสมัครสมาชิกแบบชำระเงิน.

อ้างอิง : https://www.theverge.com/2023/10/3/23901656/zoom-docs-ai-companion-meeting-summaries-project-management

Meta เผยแผนใช้โพสต์โซเชียลมีเดียฝึก AI ตัวใหม่ ผู้ใช้กังวลความเป็นส่วนตัวอาจรั่วไหล

การมุ่งเน้นด้านปัญญาประดิษฐ์ของ Meta Platforms นั้นเห็นได้ชัดเจนจากการประชุม Connect ประจำปีของบริษัทเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยก่อนหน้านี้ Meta ได้ประกาศเปิดตัว MetaAI ในฐานะ AI ผู้ช่วยที่มีบุคลิกและฟังก์ชันที่หลากหลาย ซึ่งจะรวมเข้ากับผลิตภัณฑ์และบริการของ Meta ทั้งหมดในอนาคต

นอกจากนี้ Meta ยังเผยแผนที่จะใช้โพสต์สาธารณะของผู้ใช้ Facebook และ Instagram เพื่อฝึกอบรม AI ตัวใหม่ของบริษัท ซึ่งอาจทำให้ความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ลดน้อยลง

ตามรายงานจากสื่อข่าว Reuters ระบุว่า Meta มีแผนจะใช้โพสต์สาธารณะบน Facebook และ Instagram เพื่อฝึกอบรม MetaAI โดยให้เหตุผลว่าโพสต์เหล่านี้จะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพของปัญญาประดิษฐ์และระบบ machine learning ด้วยการศึกษาพฤติกรรมและความชอบของผู้ใช้

ทั้งนี้ Nick Clegg ประธานฝ่ายกิจการทั่วโลกของ Meta ได้กล่าวว่าชุดข้อมูลที่จะถูกนำมาฝึกฝน AI คือโพสต์ “ส่วนใหญ่” ที่เปิดเผยต่อสาธารณะ แต่ไม่ได้ชี้แจงอย่างชัดเจนว่าโพสต์เหล่านั้นจะรวมถึงข้อมูลส่วนตัวหรือข้อมูลที่เป็นความลับหรือไม่

“เราพยายามจะแยกชุดข้อมูลที่มีความสำคัญต่อการพัฒนามากกว่าข้อมูลส่วนบุคคล” Clegg กล่าว โดยอ้างถึง LinkedIn ของ Microsoft ว่าเป็นตัวอย่างของเครือข่ายโซเชียลที่ Meta หลีกเลี่ยง เนื่องจากความกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว

นอกจากนี้ยังมีการเปิดเผยข้อมูลที่สำคัญอีกประการหนึ่ง คือ ความร่วมมือกับแบรนด์แว่นตา Ray-Ban ส่งผลให้แว่นตาอัจฉริยะสามารถผสานรวมเข้ากับ MetaAI ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่าโซเชียลมีเดียทั้งหมดของ Meta อาจถูกผสานเข้ากับเครื่องมืออื่น ๆ ที่ขับเคลื่อนด้วย MetaAI ในอนาคต

เป็นที่น่าสังเกตว่าบริษัท Meta ได้เก็บรวบรวมข้อมูลของผู้ใช้เพื่อนำมาป้อนเข้าเครื่องมือแนะนำมาเป็นเวลานานแล้ว แต่แพลตฟอร์มอื่น ๆ นอกเหนือจาก Meta ก็มีการดำเนินการในลักษณะเดียวกัน เช่น Spotify จะวิเคราะห์พฤติกรรมการฟังเพลงเพื่อแนะนำเพลงให้กับผู้ใช้ ในขณะที่ Netflix จะใช้รูปแบบการรับชมเพื่อแนะนำรายการและภาพยนตร์

อย่างไรก็ตาม การนำข้อมูลพฤติกรรมของผู้ใช้งานมาใช้กำหนดรูปแบบประสบการณ์ในลักษณะเหล่านี้ ยังคงถือเป็นสิ่งที่ไม่สามารถมองข้ามได้ ดังนั้น Meta และคู่แข่งในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี จึงจำเป็นจะต้องพิจารณาเรื่องการสร้างสมดุลระหว่างความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้

ในอีกด้านหนึ่ง บริษัทผู้พัฒนา AI อย่าง OpenAI ได้ใช้แนวทางการเก็บข้อมูลเช่นนี้ไม่ต่างกัน แต่ศิลปินที่ไม่ต้องการให้นำผลงานของตนไปฝึกอบรมโมเดล AI ของบริษัท ก็สามารถเลือกได้ว่าพวกเขาไม่ต้องการ แต่ศิลปินจะต้องยื่นคำขอสำหรับผลงานแต่ละชิ้น ซึ่งทำให้กระบวนการนี้ยุ่งยากมากจนทำให้ศิลปินที่เป็นเจ้าของภาพวาดหลายร้อยหรือหลายพันชิ้นมองว่า “น่าโมโห”

อ้างอิง : https://siamblockchain.com/2023/10/03/meta-ai-training-public-social-media-posts/

ยกระดับ AI ! ChatGPT ฟัง – พูดกับผู้ใช้ แถมใส่ภาพเพื่อถามคำถามได้แล้ว

โอเพนเอไอ (OpenAI) บริษัทเจ้าของบริการแชตจีที (ChatGPT) บริการปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอที่เรียนรู้ด้วยตัวเองได้ (Generative AI) ที่โด่งดังที่สุดในโลก ได้ประกาศความสามารถใหม่ในการฟังเสียงผู้ใช้ พูดกับผู้ใช้ และคุยกับผู้ใช้จากภาพที่กำหนดได้แล้ว

ความสามารถใหม่ของ ChatGPT : ฟัง, พูด และอ่านภาพที่ส่งจากผู้ใช้

การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเริ่มจากความสามารถในการพูดด้วยเสียงสังเคราะห์ที่กำหนดได้ทั้งหมด 5 รูปแบบ พร้อมสามารถรับฟังเสียงผู้ใช้ในการป้อนคำสั่งแทนการพิมพ์ได้ ซึ่งรองรับการป้อนคำสั่งด้วยเสียงคล้ายกับการสนทนาจริง รองรับทั้งสถานการณ์การขอข้อมูล การให้เล่าเรื่องราว การแต่งกลอน หรือการสอนวิธีทำอาหารเหมือนกับที่คนสอนได้จริง ๆ

ส่วนความสามารถในการอ่านภาพที่ผู้ใช้ส่งไปจะเป็นการรับภาพไปประมวผลคู่กับคำสั่งที่พิมพ์ส่งไป เช่น หากเราถ่ายภาพจักรยานพร้อมกับถาม ChatGPT ว่าจะต้องลดความสูงอานจักรยานอย่างไร ChatGPT จะไล่เรียงวิธีการปรับระดับ พร้อมทั้งสามารถส่งภาพเครื่องมือและคู่มือของจักรยานเพื่อให้ ChatGPT ช่วยดูว่าเครื่องมือที่มีเหมาะสมตามขั้นตอนในคู่มือหรือไม่ได้ด้วย

ผู้ใช้ ChatGPT ใน iOS และ Android จะได้อัปเดตมากที่สุด

ในหน้าประกาศของโอเพนเอไอ (OpenAI) เมื่อ 25 กันยายนที่ผ่านมาระบุว่าการอัปเดตความสามารถใหม่จะให้เอกสิทธิ์เฉพาะผู้ใช้ที่จ่ายค่าบริการรายเดือนก่อน และเฉพาะผู้ใช้บริการบนสมาร์ตโฟนทั้งฝั่งระบบปฏิบัติการ iOS และ Android เท่านั้นที่จะได้การฟังและพูดของ ChatGPT ไป ส่วนการวิเคราะห์รูปภาพนั้นจะให้กับทุกแพลตฟอร์ม

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญหลายคนต่างวิตกกังวลกับการเพิ่มความสามารถการพูดจากข้อความแปลงเป็นเสียง (text-to-speech) ของ ChatGPT ที่อาจเปิดช่องโหว่ให้มีการปลอมแปลงตัวตน หรือดีปเฟค (Deepfake) ได้สมจริงมากยิ่งขึ้น รวมถึงความกังวลต่อการรักษาความเป็นส่วนตัวและการจัดการกับเสียงของผู้ใช้ ซึ่งทางโอเพนเอไอนั้นย้ำนโยบายบริษัทว่าจะไม่มีการนำเสียงผู้ใช้มาบันทึกเก็บไว้ แต่ก็ยอมรับว่าอาจมีการนำบางคำสั่งเสียงมาใช้เพื่อปรับปรุงโมเดล AI ของตนเช่นกัน

อ้างอิง : https://www.tnnthailand.com/news/tech/156191/

เปิดตัวบริการด้าน AI เพื่อพัฒนา Generative AI จาก Alibaba Cloud

อาลีบาบา คลาวด์ ธุรกิจด้านเทคโนโลยีดิจิทัล และหน่วยงานหลักด้านอินเทลลิเจนซ์ของอาลีบาบา กรุ๊ป เปิดตัวชุดผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ ในงาน 2023 Alibaba Cloud Global Summit ชุดผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ให้บริการอย่างครอบคลุมนี้ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการด้านการพัฒนา Generative AI ของลูกค้าทั่วโลกที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว

โซลูชัน AI ต่าง ๆ ของอาลีบาบา คลาวด์ ได้รับการออกแบบเพื่อช่วยให้ลูกค้าสร้างแอปพลิเคชัน Generative AI ของตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ เน้นเรื่องความปลอดภัย และ คุ้มค่าใช้จ่ายมากขึ้น และให้บริการอย่างครอบคลุม ตั้งแต่แพลตฟอร์มด้านคอมพิวติ้งต่าง ๆ ไปจนถึงบริการเร่งความเร็วในการใช้ AI และแอปพลิเคชันที่ใช้ AI เป็นเทคโนโลยีหลัก

เซลิน่า หยวน ประธานด้านธุรกิจระหว่างประเทศ อาลีบาบา คลาวด์ อินเทลลิเจนซ์ กรุ๊ป กล่าวว่า “เรานำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการ generative AI ที่พุ่งสูงขึ้น และเพื่อรับมือกับปัญหาที่แตกต่างกันที่ลูกค้าทั่วโลกของเราพบเจอ บริการด้าน AI ที่ครอบคลุมของเราออกแบบมาเพื่อช่วยให้ลูกค้าคว้าโอกาสที่ยอดเยี่ยมต่าง ๆ ที่เทรนด์เทคโนโลยีที่ฉุดไม่อยู่นี้มีให้”

เซลิน่า กล่าวเพิ่มเติมว่า “การสนับสนุนการพัฒนา generative AI ให้ครอบคลุมและมีมิติด้านนวัตกรรมมากขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของพันธสัญญาของเรา เราจึงผนึกพลังกับผู้นำในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เพื่อนำความสามารถที่เรามีไปใช้กับการทำงานในสถานการณ์ที่แตกต่างกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

บริการด้าน AI ที่ครอบคลุมเพื่อการพัฒนา Generative AI

ลดความซับซ้อนของกระบวนการด้าน AI: อาลีบาบา คลาวด์ เปิดตัว PAI-Lingjun Intelligent Computing Service ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มประมวลผลที่ใช้ AI สำหรับงานประมวลผลประสิทธิภาพสูง เช่น การฝึกอบรมและการอนุมานโมเดลพื้นฐาน (foundation model) บริการนี้นำเสนอการเรียนรู้เชิงลึกที่มีสเกลใหญ่ และความสามารถในการประมวลผลอัจฉริยะบนอาลีบาบา คลาวด์ ทั้งยังมอบความสามารถด้าน AI engineering เต็มรูปแบบ เช่น การพัฒนา AI, การเทรนด์ AI, การจัดการบทบาทของ AI, และการจัดการทรัพยากรที่ใช้ประมวลผล แพลตฟอร์มนี้มีการใช้งานแล้วในจีนแผ่นดินใหญ่ จะวางจำหน่ายในสิงคโปร์ตั้งแต่ต้นปี 2567 และจะวางจำหน่ายในประเทศอื่น ๆ ทั่วเอเชียตามมาตลอดทั้งปี

เร่งการฝึกอบรมและการอนุมานโมเดล AI: อาลีบาบา คลาวด์ ได้เปิดตัว Alibaba Cloud AI Acceleration Solution ซึ่งใช้ชุดข้อมูลและอุปกรณ์เร่งความเร็วฮาร์ดแวร์ประสิทธิภาพระดับแนวหน้า เพื่อจัดการแอปพลิเคชันที่มีข้อมูลจำนวนมาก และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้อินสแตนซ์การประมวลผลเพื่อเร่งการฝึกอบรมและการอนุมานโมเดล AI ทั้งนี้ Stanford DAWN Deep Learning Benchmark ซึ่งเป็นชุดเกณฑ์มาตรฐานในการฝึกอบรมและการอนุมานการเรียนรู้เชิงลึกแบบครบวงจร ระบุว่า โซลูชันนี้สามารถเร่งความเร็วในการฝึกอบรมโมเดล AI ได้ 70% และอนุมานได้เร็วขึ้นถึงสามเท่า โซลูชันนี้ประกอบด้วยเลเยอร์ต่าง ๆ สำหรับ cloud-native AI suite, AI job scheduling, AI data acceleration, AI computing acceleration engine, resource scheduling และ computing resources โดยแต่ละเลเยอร์นำเสนอโซลูชันการเร่งความเร็วที่เจาะจงกับงานที่แตกต่างกันในแต่ละสถานการณ์

สร้างบริการเสิร์ชด้วย AI ได้อย่างง่ายดาย: อาลีบาบา คลาวด์เปิดตัว OpenSearch LLM-Based Conversational Search ซึ่งเป็นดิสทริบิ้วเต็ดเสริ์ชเอ็นจิ้นสเกลขนาดใหญ่และเป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทฯ ที่มอบบริการเสิร์ชที่ชาญฉลาดให้กับธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ แวดวงมัลติมีเดีย โซเชียลมีเดีย และการสืบค้นข้อมูลขนาดใหญ่ในองค์กร บริการที่ขับเคลื่อนด้วยโมเดลด้านภาษาขนาดใหญ่นี้ ช่วยให้องค์กรต่าง ๆ สร้างระบบเสิร์ชการสนทนาเฉพาะงานที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว มั่นใจได้ในความปลอดภัย มีความแม่นยำ และให้ผลการเสิร์ชเชื่อถือได้ ทั้งยังรองรับผลการค้นหาหลายรูปแบบ เช่น คำตอบต่าง ๆ, URL และภาพต่าง ๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการการเสิร์ชที่เจาะจงของธุรกิจ

ความร่วมมือทางเทคโนโลยีเพื่อเสริมแกร่งการพัฒนาแอปพลิเคชันที่เป็นนวัตกรรม

อาลีบาบา คลาวด์ ประกาศความร่วมมือกับผู้นำทางเทคโนโลยีระดับโลกหลายแห่ง เพื่อนำเสนอบริการคลาวด์ที่ปลอดภัยและล้ำหน้ามากขึ้นให้กับลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าทรานส์ฟอร์มสู่ดิจิทัลได้เร็วขึ้น

อาลีบาบา คลาวด์ ร่วมมือกับ เร้ดแฮท เพื่อส่งเสริมการพัฒนาแอปพลิเคชันเชิงนวัตกรรมให้กับองค์กรต่าง ๆ โดยใช้แพลตฟอร์ม Red Hat OpenShift บนอาลีบาบา คลาวด์ เพื่อสร้าง ใช้ และบริหารจัดการแอปพลิเคชันตามต้องการ ทั้งนี้ Red Hat OpenShift on Alibaba Cloud จะผสานรวมแพลตฟอร์มแอปพลิเคชันไฮบริดคลาวด์ระดับแนวหน้าในอุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนด้วย Kubernetes เข้ากับโครงสร้างพื้นฐานไฮบริดที่แข็งแกร่งของอาลีบาบา คลาวด์ นอกจากนี้ การเพิ่มประสิทธิภาพด้วยการดำเนินการอัตโนมัติเต็มรูปแบบ ยังเป็นการมอบประสบการณ์การทำงานที่สอดคล้องเข้ากันได้แม้จะอยู่บนสภาพแวดล้อมต่างกัน เพื่อช่วยลูกค้าเพิ่มความสามารถในการผลิตได้ดีขึ้น

เร่งการทรานส์ฟอร์มสู่ดิจิทัลให้กับลูกค้าทั่วโลก

อาลีบาบา คลาวด์ ยังได้ประกาศความร่วมมือกับลูกค้าองค์กรในตลาดต่าง ๆ เช่น มาเลเซีย เกาหลีใต้ สหราชอาณาจักร และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งเป็นการย้ำพันธสัญญาที่มั่นคงที่บริษัทฯ มีต่อลูกค้าทั่วโลกกว่า 4 ล้านราย ในการสำรวจหาโอกาสใหม่ที่จะได้จากการทรานส์ฟอร์มสู่ดิจิทัลและเทรนด์ด้าน AI ที่เกิดขึ้นใหม่ ๆ

อ้างอิง : https://www.tnnthailand.com/news/tech/156149/

—————————————————————————————-

ทั้งหมดเป็นข่าวที่น่าสนใจใน  29 กันยายน – 5 ตุลาคม 2566 พบกันใหม่ในสัปดาห์หน้านะคะ : )

หากมีข้อสงสัย ติชมสามารถ ติดตามและสอบถามได้ที่
 : AIไทยสามารถ โดย AI for all Thailand



เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

อนุญาตทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึก