ข่าว AI รอบโลก – สัปดาห์ที่ 3 เดือน ตุลาคม 2023

ผู้ว่าฯ นครนิวยอร์กใช้ AI โทรอัตโนมัติในภาษาที่เขาพูดไม่ได้ ก่อคำถามด้านจริยธรรม

Eric Adams นายกเทศมนตรีนครนิวยอร์กใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อสร้าง robocall ที่เปลี่ยนเสียงของเขาให้เป็นหลายภาษาที่เขาไม่ได้พูดจริงๆ เพื่อโปรโมตกิจกรรมการจ้างงานต่างๆ ของเมือง ซึ่งเขาไม่ได้เปิดเผยต่อผู้รับด้วยว่าเขานั้นได้ใช้ AI

“ผู้คนหยุดฉันบนถนนและพูดว่า ‘ฉันไม่รู้ว่าคุณพูดภาษาจีนกลางได้’” Adams กล่าว

จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้บางคนตั้งคำถามด้านจริยธรรมเกี่ยวกับการใช้ AI ของนายกเทศมนตรี โดยโต้แย้งว่าการใช้ AI เพื่อสร้าง “การปลอมแปลง” ของภาษาที่นายกเทศมนตรีพูดนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดการเข้าใจผิดและผิดจรรยาบรรณ

เหตุการณ์เหล่านี้กลายเป็นสิ่งที่ทำให้ทางการพยายามดิ้นรนเพื่อกำหนดวิธีที่ดีที่สุดในการควบคุมการใช้ AI โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทคโนโลยี Deepfake พัฒนาขึ้น

อย่างไรก็ตามนายกเทศมนตรีปกป้องตัวเองจากคำถามด้านจริยธรรม โดยกล่าวว่าสำนักงานของเขาพยายามเข้าถึงชาวนิวยอร์กผ่านภาษาที่พวกเขาพูด “ผมต้องบริหารเมือง และผมต้องสามารถพูดคุยกับผู้คนในภาษาที่พวกเขาเข้าใจได้ และผมยินดีที่จะทำเช่นนั้น” เขากล่าว

การใช้ AI เพื่อสร้าง Deepfakes เป็นเรื่องที่น่ากังวลมากขึ้น เนื่องจากเทคโนโลยีมีความซับซ้อนมากขึ้นและตรวจจับได้ยาก สิ่งสำคัญคือต้องตระหนักถึงศักยภาพของ Deepfakes ที่จะนำไปใช้เพื่อหลอกลวงหรือบงการผู้คน

อ้างอิง : https://www.euronews.com/next/2023/10/18/nyc-mayors-use-of-ai-to-make-robocalls-in-different-languages-raises-ethical-questions

Amazon เปิดตัวหุ่นยนต์ใหม่เร่งการจัดส่ง บอก “จะไม่แทนที่มนุษย์” อย่างแน่นอน

Amazon กำลังขยายการดำเนินงานด้วยระบบหุ่นยนต์ในศูนย์เติมสินค้า ซึ่งประกอบด้วยเครื่องจักรคัดแยกสินค้าที่ได้รับการอัปเดต แขนหุ่นยนต์ และหุ่นยนต์เคลื่อนที่แบบ Roomba ตามรายงานของ The Wall Street Journal ได้บอกว่า ระบบการประมวลผลสินค้าคงคลังล่าสุดของ Amazon ซึ่งบริษัทเรียกว่า Sequoia สามารถเร่งความเร็วในการจัดส่งได้ถึง 25 เปอร์เซ็นต์ โดยได้เปิดตัวไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่ศูนย์เติมสินค้าในเมืองฮูสตัน

Amazon ระบุว่าระบบใหม่นี้มีหุ่นยนต์ที่ออกแบบมาเพื่อทำงานร่วมกับมนุษย์แทนที่จะมาแทนที่ทั้งหมด โดย David Guerin ผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยีการจัดเก็บข้อมูลด้วยหุ่นยนต์ กล่าวว่า ในอีกสามถึงห้าปีข้างหน้า ส่วนสำคัญของการดำเนินงานของบริษัทจะใช้หุ่นยนต์เหล่านี้

เครื่องคัดแยกและจัดเก็บประเภทใหม่จะเคลื่อนย้ายคอนเทนเนอร์จากชั้นวางด้านบนลงมาสู่สถานีทำงานตามหลักสรีรศาสตร์ที่ถูกออกแบบใหม่ให้ “อยู่ระหว่างกลางต้นขาถึงกลางอก” ซึ่งจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยและลดการบาดเจ็บ เนื่องจากคนงานไม่ต้องยืนเขย่งหรือนั่งยองๆ เพื่อหยิบของหนัก

ส่วนประกอบต่างๆ ของระบบล่าสุดของ Amazon นั้นได้มีการเปิดเผยไปแล้วบางส่วน โดยบริษัทได้หารือเกี่ยวกับพัฒนาการของหุ่นยนต์ในคลังสินค้าและปัญญาประดิษฐ์ของตนเองในช่วงปีที่ผ่านมา แขนหุ่นยนต์ Sparrow ของบริษัทสามารถระบุผลิตภัณฑ์ภายในกล่องและหยิบออกมาได้ นอกจากนี้ยังมีหุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติ Proteus และ Hercules ที่เคลื่อนที่ไปรอบๆ เหมือนกับ robovacs และสามารถยกและเคลื่อนย้ายชั้นวาง จ่ายแจกคอนเทนเนอร์ และส่งมอบผลิตภัณฑ์ในอาคารได้ เพื่อให้มนุษย์ไม่ต้องทำหน้าที่เหล่านี้

อ้างอิง : https://www.theverge.com/2023/10/18/23922202/amazon-robots-sorting-machines-sequoia-warehouse

AI Search ของ Google สามารถ “สร้างรูปภาพ” ได้แล้ว

Google ได้เปิดตัว Search Generative Experience (SGE) ซึ่งเป็นฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างรูปภาพตามข้อความที่ป้อนเข้าไป การประกาศนี้เกิดขึ้นหลังจาก Microsoft เสนอความสามารถที่คล้ายกันผ่าน Bing Chat โดยใช้โมเดล DALL-E ของ OpenAI ตั้งแต่เดือนมีนาคม สำหรับ SGE นั้นพร้อมให้บริการสำหรับผู้ที่เลือกเข้าร่วมโปรแกรม Search Labs ของ Google โดยระบบทำงานโดยผู้ใช้สามารถพิมพ์คำค้นหาลงในแถบค้นหาของ Google จากนั้น SGE จะสร้างภาพสองสามภาพตามข้อความที่ผู้ใช้เลือก ซึ่งเทคโนโลยีนี้ขับเคลื่อนโดยโมเดล AI ตระกูล Imagen ตามที่ Craig Ewer โฆษกของ Google กล่าว

ในการสาธิต GIF นั้น Google ได้แสดงให้เห็นว่าเครื่องมือนี้สามารถใช้ในการสร้างภาพเพื่อตอบสนองต่อข้อความแจ้งที่เฉพาะเจาะจงได้อย่างไร เช่น “วาดภาพคาปิบาราสวมหมวกเชฟและทำอาหารเช้า” การสาธิตยังเผยให้เห็นความสามารถในการปรับแต่งข้อความค้นหาที่ Google ใช้ในการสร้างภาพแต่ละภาพ

ในบล็อกโพสต์ Hema Budaraju จาก Google เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการเปิดตัวเครื่องมือสร้างภาพอย่างมีความรับผิดชอบ เครื่องมือนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อไม่ให้สร้างภาพที่ละเมิดนโยบายการใช้งานที่ต้องห้ามของ Google สำหรับ AI เชิงสร้างสรรค์ วิธีนี้เป็นการป้องกันเนื้อหาที่อาจเป็นอันตรายและการใช้งานในทางที่ผิด ดังที่เห็นได้จากเครื่องมือสร้างภาพของ Bing นอกจากนี้ ทุกภาพที่สร้างโดยใช้ SGE จะถูกทำเครื่องหมายด้วยการติดป้ายกำกับข้อมูลเมตาและลายน้ำแบบฝังเพื่อแสดงว่ามันถูกสร้างขึ้นโดย AI

นับตั้งแต่เปิดตัวในเดือนพฤษภาคม Google ได้ปรับปรุง SGE อย่างต่อเนื่องโดยการเพิ่มฟีเจอร์ต่างๆ เช่น เนื้อหาวิดีโอและลิงก์ที่ดีขึ้น แม้ว่าผู้ใช้บางคนจะพบว่ามันมีคุณค่า แต่บางคนก็ยังคงแสดงความกังวลเกี่ยวกับความเร็วและการใช้งาน โดยเลือกใช้วิธีค้นหาแบบเดิมๆ มากกว่า

อ้างอิง : https://www.theverge.com/2023/10/12/23913337/google-ai-powered-search-sge-images-written-drafts

AI ตรวจพบ “ ซุปเปอร์โนวา ” ด้วยตัวเอง โดยไม่มีมนุษย์มาเกี่ยวข้อง

นักวิทยาศาสตร์ต้องใช้เวลาจำนวนมากในแต่ละวันเพื่อพยายามมองหาความตายของดวงดาวที่เรียกว่า ‘ ซุปเปอร์โนวา ’ การมองเห็นมันช่วยให้นักวิจัยเข้าใจเกี่ยวกับวิวัฒนาการของดาวฤกษ์ได้มากขึ้น
โดยปกติแล้ว นักดาราศาสตร์จะมองหาจุดแสงที่ไม่เคยมีอยู่บนท้องฟ้า จากนั้นก็ขอให้หอดูดาวหลายแห่งยืนยันและรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ เพื่อจัดประเภท จากนั้นก็ตีพิมพ์ (เผยแพร่) การค้นพบ

ทว่า การมาถึงของ “ปัญญาประดิษฐ์” หรือ AI ทำให้นักวิทยาศาสตร์หวังว่าจะช่วยลดทอนเวลาที่ต้องใช้ลงไปบ้าง พวกเขาจึงพัฒนาเครื่องมือใหม่ที่มีชื่อว่า ‘Bright Transient Survey Bot’ (BTSbot) ซึ่งเป็น AI ที่เรียนรู้จากรูปภาพมากกว่า 1.4 ล้านภาพจากเกือบ 16,000 แหล่ง เพื่อมองหาสิ่งเดียวคือ ซุปเปอร์โนวา.
และพวกมันก็ประสบความสำเร็จในโลกแห่งความจริง เมื่อวันที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมา ศูนย์สังเกตการณ์ทางดาราศาสตร์ที่ชื่อว่า ‘Zwicky Transient Facility’ (ZTF) ซึ่งเป็นกล้องโทรทรรศน์อัตโนมัติเช่นเดียวกัน ได้ถ่ายภาพพื้นที่ท้องฟ้าจุดหนึ่งเก็บไว้ในข้อมูล
เพียงแค่ 2 วันถัดมาหรือในวันที่ 5 ตุลาคม BTSbot ก็สามารถตรวจจับจุดแสงที่เพิ่งเกิดขึ้นใหม่ได้ และระบุชื่อมันว่า ‘SN2023tyk’

แต่แทนที่จะแจ้งให้นักดาราศาสตร์รับทราบเพียงอย่างเดียว ปัญญาประดิษฐ์ได้ติดต่อกับกล้องโทรทรรศน์อัตโนมัติอีกตัวหนึ่งที่ชื่อว่า SEDM (Spectral Energy Distribution Machine) ในหอดูดาวพาโลมาร์ เพื่อรวบรวมข้อมูลสเปกตรัมในการจัดประเภทและเพื่อยืนยันจากแหล่งอื่นอีกครั้ง เมื่อซุปเปอร์โนวาได้รับการยืนยันทุกอย่างแล้ว BTSbot ก็เผยแพร่การค้นพบของมันบนเว็บไซต์ของสหพันธ์ดาราศาสตร์สากลในวันที่ 7 ตุลาคม โดยไม่มีมนุษย์มาเกี่ยวข้องในขั้นตอนใด ๆ เลย การค้นพบระบุว่ามันเป็นซุปเปอร์โนวาประเภท la อยู่ห่างจากโลกราว 760 ล้านปีแสง

“นี่เป็นครั้งแรกที่ชุดหุ่นยนต์และอัลกอริทึมเอไอ ได้สังเกตการณ์ จากนั้นระบุชื่อและสื่อสารกับกล้องโทรทรรศน์อีกตัวหนึ่งเพื่อยืนยันการค้นพบซุปเปอร์โนวาได้ในที่สุด” อดัม มิลเลอร์ (Adam Miller) ผู้นำโครงการพัฒนาเอไอจากมหาวิทยาลัยนอร์ธเวสเทิร์นกล่าว

อ้างอิง : https://ngthai.com/science/52019/supernova-by-ai/

AI อ่านใจคนใกล้เป็นจริงแล้ว ! หลัง Meta โชว์ระบบถอดรหัสภาพจากคลื่นสมอง

เมื่อวันที่ 18 ตุลาคมที่ผ่านมา ทีมงาน Meta AI ได้ออกมาแบ่งปันงานวิจัยใหม่ล่าสุดผ่านบล็อกโพสต์และแพลตฟอร์ม X (Twitter) โดยระบุว่างานวิจัยครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อ “ถอดรหัสภาพจากการทำงานของสมองแบบเรียลไทม์”

ตามคำอธิบายบนบล็อกโพสต์ของ Meta ระบุว่า งานวิจัยนี้คือการผสมผสานปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ากับการสแกนสมองที่เรียกว่า magnetoencephalography (MEG) ดังนั้นระบบ AI ที่ถูกพัฒนาขึ้นจากเทคโนโลยีนี้จึงสามารถ “สร้างรูปภาพขึ้นมาใหม่ได้แบบเรียลไทม์จากภาพที่สมองรับรู้และประมวลผลในแต่ละช่วงเวลา”

โพสต์จากบัญชี Meta AI บนแพลตฟอร์ม X แสดงให้เห็นถึงความสามารถแบบเรียลไทม์ของโมเดล AI ที่ผสานเข้ากับ MEG โดยในการสาธิตดังกล่าว จะเห็นว่า AI สามารถถอดรหัสจากการสแกนสมองออกมาเป็นรูปภาพ โดยภาพ AI นั้นมีลักษณะใกล้เคียงกับภาพที่ผู้เข้าร่วมการสาธิตกำลังมองดู

งานวิจัยครั้งนี้คือใช้ประโยชน์จากงานวิจัยเดิมของ Meta โดยก่อนหน้านี้บริษัท Meta เคยมีงานวิจัยในด้านการถอดรหัสตัวอักษร คำ และสเปกตรัมเสียงจากข้อมูลที่บันทึกไว้ในกะโหลกศีรษะ

เป็นที่น่าสังเกตว่า แม้จะมีความคืบหน้าแสดงให้เห็น แต่ระบบ AI ในการทดลองนี้จำเป็นต้องมีการฝึกอบรมล่วงหน้าเกี่ยวกับคลื่นสมองของอาสาสมัครแต่ละราย เพราะแทนที่จะฝึกระบบ AI ให้อ่านใจคนได้ นักพัฒนาจะต้องฝึกระบบให้ตีความคลื่นสมองที่เฉพาะเจาะจงให้เป็นรูปภาพ ดังนั้นในปัจจุบันจึงยังไม่มีข้อบ่งชี้ว่าระบบนี้สามารถสร้างรูปภาพจากความคิดที่ไม่เกี่ยวข้องกับภาพที่ AI ได้รับการฝึกฝน

อย่างไรก็ตาม Meta AI ยังตั้งข้อสังเกตอีกว่างานวิจัยนี้ยังคงอยู่ในช่วงแรกของการพัฒนา และคาดว่าจะมีความคืบหน้าเพิ่มเติมในอนาคต นอกจากนี้ทีมงานยังระบุด้วยงานวิจัยดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของโปรเจกต์ริเริ่มของบริษัทในด้านการไขปริศนาเกี่ยวกับสมอง

ในปัจจุบัน หลายคนเชื่อว่าระบบเช่นนี้อาจสามารถบุกรุกความเป็นส่วนตัวของใครบางคนได้ ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งเชื่อว่าเทคโนโลยีดังกล่าวจะสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับใครบางคนได้ เช่น คนที่สูญเสียความสามารถในการพูด

อ้างอิง : https://siamblockchain.com/2023/10/19/meta-makes-progress-towards-ai-system-decodes-images-brain-activity/

“โรเวอร์” เอเจนซี่ AI First เสริมประสิทธิภาพแคมเปญพีอาร์ เจาะกลุ่มลูกค้าเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

วีโร่ บริษัทที่ปรึกษาชั้นนำด้านการสื่อสารในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกาศเปิดตัว “Rover” (โรเวอร์) เอเจนซี่ด้านการประชาสัมพันธ์ที่ใช้กลยุทธ์ AI First ในการดำเนินงาน โดยเอเจนซี่ในเครือแห่งนี้จะทำหน้าที่ขับเคลื่อนแบรนด์ในการทำแคมเปญและดำเนินงานต่างๆ โดยใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI เข้ามาช่วยเสริม เพื่อสร้างสรรค์ผลงานให้กับลูกค้าใหม่และลูกค้าในปัจจุบัน ตลอดจนแสวงหาความร่วมมือครอบคลุมด้านต่างๆ ร่วมกับผู้ที่เกี่ยวข้องในแวดวงประชาสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นผู้พัฒนาแอปพลิเคชัน AI, กลุ่มองค์กรธุรกิจ, องค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร, กลุ่มแวดวงวิชาการ และผู้นำทางความคิดต่างๆ โดยบริษัทโรเวอร์นั้นจะดำเนินงานควบคู่ไปกับสาขาของวีโร่ในปัจจุบัน ทั้งในอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ไทย และเวียดนาม

ในช่วงที่ผ่านมา วีโร่ได้นำเครื่องมือ Generative AI มาใช้ในการสร้างงานครีเอทีฟ ทำคอนเทนต์ ประมวลผลข้อมูล และวางแผนงานแล้ว การเปิดตัวโรเวอร์จึงตอกย้ำให้เห็นว่า วีโร่นั้นให้ความสำคัญการกับลงทุนพัฒนาขีดความสามารถด้าน AI อย่างจริงจัง เพื่อเร่งให้เกิดการเรียนรู้ภายในองค์กรและสร้างสรรค์บริการที่หลากหลายให้กับลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ การก่อตั้งบริษัทโรเวอร์นำทีมโดย สกายลาร์ เทวย์ และ ฮง ฟุก โง ซึ่งมีตำแหน่งเป็น Founding Vice President ของบริษัท และจะมีการเปิดตัวทีมงานฝ่ายที่ปรึกษา ครีเอทีฟ แพลนเนอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อมวลชนสัมพันธ์ เอดิเตอร์ นักวางแผนกลยุทธ์ นักวิเคราะห์ข้อมูล และฝ่ายจัดซื้อสื่อในลำดับต่อไป

โรเวอร์ได้นำเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพที่ขับเคลื่อนด้วย AI มาใช้ อย่างเช่น ChatGPT, Midjourney และ Firefly เพื่อเร่งสร้างคอนเทนต์ในรูปแบบสื่อต่างๆ โดยอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็นข้อความ รูปภาพ วิดีโอ 3 มิติ แอนิเมชัน การสังเคราะห์เสียง และเพลง เครื่องมือเหล่านี้จะช่วยให้ก็อปปีไรเตอร์ เอดิเตอร์ และดีไซเนอร์ สามารถต่อยอดขยายขอบเขตการเล่าเรื่องได้มากยิ่งขึ้น ด้วยสไตล์ โทน และรูปแบบการนำเสนอที่หลากหลายกว่าเดิม ทั้งยังร่นระยะเวลาในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายให้สั้นลง นอกจากนี้ เครื่องมือวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายและการวิเคราะห์มุมมองของผู้บริโภคยังช่วยแบ่งชุดข้อมูลขนาดใหญ่ออกเป็นส่วนย่อย ๆ ที่สะดวกต่อการนำไปใช้จริง ไม่ว่าจะเป็นการพิทซ์สื่อ การส่งข้อความ และการสื่อสารในระดับผู้บริหารสำหรับลูกค้าของโรเวอร์ ข้อมูลเชิงลึกแบบเรียลไทม์เหล่านี้ช่วยให้ปรับเปลี่ยนแผนการดำเนินงานได้ทันที ทั้งยังเพิ่ม ROI หรืออัตราส่วนผลตอบแทนในการทำแคมเปญ นอกจากนี้ การนำ AI มาใช้ขับเคลื่อนกระบวนการดำเนินงานของโรเวอร์ยังเอื้อต่อการทำงานร่วมกับอินฟลูเอนเซอร์ การวางกลยุทธ์การตลาด การระบุเทรนด์ และมอบประสบการณ์ที่ดื่มด่ำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

อ้างอิง : https://positioningmag.com/1448451

—————————————————————————————-

ทั้งหมดเป็นข่าวที่น่าสนใจใน 13 -19 ตุลาคม 2566 พบกันใหม่ในสัปดาห์หน้านะคะ : )

หากมีข้อสงสัย ติชมสามารถ ติดตามและสอบถามได้ที่
 : AIไทยสามารถ โดย AI for all Thailand



เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

อนุญาตทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึก