ข่าว AI รอบโลก – สัปดาห์ที่ 4 เดือน ตุลาคม 2023

AI กำลังจะพลิกโฉมวิชาชีพทางกฎหมายหรือไม่?

สำหรับวิชาชีพด้านกฎหมาย AI นำเสนอทั้งภัยคุกคามและโอกาสไปพร้อมๆ กัน ซึ่งรายงานปี 2021 โดยสมาคมกฎหมายแห่งสหราชอาณาจักรคาดการณ์ว่างานด้านกฎหมายอาจลดลงอย่างมีนัยสำคัญเนื่องจาก AI นอกจากนั้นการวิจัยล่าสุดจากสถาบันที่ได้รับการยกย่องต่างๆ เช่น มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย นิวยอร์ก และพรินซ์ตัน ระบุว่าภาคกฎหมายเป็นอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มจะได้รับอิทธิพลจาก AI มากที่สุด

บทบาทของ AI ในการวิจัยทางกฎหมายและการเตรียมคดีถือเป็นหัวใจสำคัญ อย่างไรก็ตาม กรณีของข้อมูลที่ผิดจาก AI ทำให้เกิดข้อสงสัย Steven Schwartz ทนายความชาวนิวยอร์กพบว่าตัวเองกำลังถูกพิจารณาคดีในศาลหลังจากใช้ระบบ ChatGPT เพื่อค้นหาตัวอย่างทางกฎหมายสำหรับคดีฟ้องร้องสายการบิน น่าตกใจที่หกในเจ็ดคดีที่เขาพึ่งพานั้นถูกประดิษฐ์ขึ้นโดย AI ทั้งหมด การเปิดเผยนี้ทำให้สำนักงานกฎหมายหลายแห่งลังเลที่จะยอมรับ AI อย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายบางคนเชื่อว่าปัญหาหลักไม่ได้เกี่ยวกับตัวเทคโนโลยี แต่เป็นความเป็นมืออาชีพและจริยธรรมของ

นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล และวิศวกรข้อมูล Mr. Allgrove มองเห็นอนาคตที่ AI ปรับปรุงงานทางกฎหมายอย่างมีนัยสำคัญ โดยใช้ประโยชน์จาก AI ของผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ทางกฎหมายที่มีอยู่ เช่น LexisNexis และ 365 Solution for Legal ของ Microsoft เครื่องมือ AI เหล่านี้สามารถตอบคำถามทางกฎหมาย สร้างเอกสาร และสรุปประเด็นทางกฎหมาย เพิ่มประสิทธิภาพในภาคกฎหมาย

ศักยภาพในการสร้างประชาธิปไตยของ AI ในวิชาชีพด้านกฎหมายเป็นอีกประเด็นสำคัญ โดยสามารถเสริมศักยภาพบุคคลที่ไม่สามารถให้บริการด้านกฎหมายได้ ทำให้พวกเขาสามารถสร้างคดีทางกฎหมายของตนเองได้ด้วยความช่วยเหลือของเครื่องมือ AI ฟรี Alex Monaco ทนายความด้านการจ้างงานและผู้ก่อตั้ง Grapple มองว่า AI ไม่ได้มาแทนที่ทนายความ แต่เป็นเครื่องมือที่ขยายความเข้าใจของผู้คนและการนำสิทธิทางกฎหมายของพวกเขาไปใช้

ในโลกที่ AI แพร่หลายมากขึ้น บทบาทของ AI ในการทำให้ทรัพยากรทางกฎหมายเข้าถึงและมีประสิทธิภาพมากขึ้นอาจพิสูจน์ได้ว่ามีความสำคัญ

อ้างอิง : https://www.bbc.co.uk/news/business-67121212

Google พร้อมจะเพิ่มโฆษณาในระบบการค้นหาด้วย AI ตัวใหม่ของพวกเขา

Alphabet บริษัทแม่ของ Google ประกาศผลประกอบการไตรมาส 3 ออกมาซึ่งแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของ Google แม้จะต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงและการลงทุนอย่างหนักในการบูรณาการ AI กับผลิตภัณฑ์ของตน แต่ธุรกิจโฆษณาของ Google ซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลักก็ดำเนินไปได้ดี โดยสร้างรายได้ 44 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างน่าทึ่ง 11 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบเป็นรายปี

คำถามสำคัญอยู่ที่ว่าการมุ่งเน้นด้าน AI ของ Google จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจโฆษณาของตนอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการเปิดตัว Search Generative Experience (SGE) ที่ขับเคลื่อนด้วย AI โดยบริษัทวางแผนที่จะทดลองระบบโฆษณาที่ปรับให้เหมาะกับ SGE โดยมีเป้าหมายเพื่อให้แน่ใจว่าผู้ลงโฆษณาจะสามารถเข้าถึงผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไปผ่านประสบการณ์ใหม่นี้ ซึ่ง Google จินตนาการถึงบทบาทในระยะยาวในการนำ AI เข้าสู่การค้นหา โดย CEO Sundar Pichai คาดการณ์ถึงวิวัฒนาการของการค้นหาและ Assistant ในทศวรรษหน้า

กลุ่มอื่นๆ ของ Google ก็แสดงผลลัพธ์เชิงบวกเช่นกัน โฆษณา YouTube สร้างรายได้มากกว่า 7.9 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่า 12 เปอร์เซ็นต์จากปีที่แล้ว บริษัทกำลังรวมเครื่องมือ AI เข้ากับบริการวิดีโอยอดนิยม นอกจากนี้ ธุรกิจคลาวด์ของ Google ที่นำเสนอบริการ AI ให้กับลูกค้าสำหรับแอปพลิเคชันและผลิตภัณฑ์ของตน มีรายได้ 8.4 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 22 เปอร์เซ็นต์จากไตรมาสที่ 3 ปี 2022 อย่างน่าประทับใจ

แม้ว่าผลการดำเนินงานทางการเงินของ Google จะแข็งแกร่ง แต่ก็ยังมีคำถามว่าใครจะเข้ามารับตำแหน่งต่อจาก Ruth Porat ในตำแหน่ง CFO โดยได้เขาบอกเป็นนัยถึงการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นในการลงทุน “Other Bets” ของ Alphabet ซึ่งส่งสัญญาณถึงการเปลี่ยนแปลงในอนาคตในการมุ่งเน้นและประสิทธิภาพการดำเนินงาน

ในขณะเดียวกัน Google ก็กำลังเผชิญกับการพิจารณาคดีต่อต้านการผูกขาดที่ริเริ่มโดยกระทรวงยุติธรรม

อ้างอิง : https://www.theverge.com/2023/10/24/23929496/google-alphabet-q3-2023-earnings-ads-ai-sge

PimEyes เสิร์ชเอ็นจิ้นจับคู่ภาพถ่ายออนไลน์ บล็อกการค้นหาใบหน้า “เด็ก” แล้ว

PimEyes ซึ่งเป็นเสิร์ชเอ็นจิ้นสาธารณะที่ใช้การจดจำใบหน้าเพื่อจับคู่ภาพถ่ายออนไลน์ของผู้คน ได้สั่งห้ามการค้นหาผู้เยาว์ เนื่องจากกังวลว่าจะเป็นอันตรายต่อเด็ก

Giorgi Gobronidze ผู้บริหารระดับสูงของ PimEyes กล่าวว่าเขาวางแผนที่จะใช้กลไกการป้องกันดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2021 อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์ดังกล่าวได้รับการปรับใช้อย่างสมบูรณ์หลังจากที่ Kashmir Hill นักเขียนของ New York Times เผยแพร่บทความเกี่ยวกับภัยคุกคามที่ AI ก่อขึ้นต่อเด็ก ๆ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ตามข้อมูลของ Gobronidze องค์กรสิทธิมนุษยชนที่ทำงานเพื่อช่วยเหลือผู้เยาว์สามารถค้นหาต่อไปได้ ในขณะที่การค้นหาอื่นๆ ทั้งหมดจะสร้างภาพที่บังใบหน้าของเด็ก

ในบทความ Hill เขียนว่าบริการดังกล่าวห้ามบัญชีมากกว่า 200 บัญชีสำหรับการค้นหาเด็กที่ไม่เหมาะสม ผู้ปกครองคนหนึ่งบอกกับ Hill ว่าเธอได้พบรูปถ่ายลูก ๆ ของเธอที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อนโดยใช้ PimEyes ซึ่งหากต้องการทราบว่าภาพนี้มาจากไหน ผู้เป็นแม่จะต้องจ่ายค่าสมัครสมาชิกรายเดือนจำนวน 29.99 ดอลลาร์

PimEyes เป็นเพียงหนึ่งในเครื่องมือจดจำใบหน้าที่ได้รับความสนใจจากการละเมิดความเป็นส่วนตัว โดยในเดือนมกราคม 2020 การสืบสวนของ Hill เผยให้เห็นว่าองค์กรบังคับใช้กฎหมายหลายร้อยแห่งเริ่มใช้ Clearview AI ซึ่งเป็นเครื่องมือจดจำใบหน้าที่คล้ายกัน โดยแทบไม่มีการกำกับดูแลเลย

อ้างอิง : https://www.theverge.com/2023/10/23/23929271/pimeyes-facial-recognition-ai-children-privacy

เปิดตัว ‘Metthier’ บริการ รปภ.-แม่บ้านอัจฉริยะ AI คำนวณที่จอด-แจ้งเตือนผู้บุกรุก

หลัง SKY Group เข้าซื้อกิจการ ‘รักข์สยาม’ หรือ SAMCO เจ้าของดูแลรักษาอาคารและสถานที่สำคัญ พร้อมรับพนักงานกว่า 6,000 คนมาดูแล ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปีที่ผ่านมา ล่าสุด SKY Group ก็ได้เปิดตัวธุรกิจใหม่อย่าง ‘Metthier’ (เมทเธียร์) ที่เรียกตัวเองว่า ‘Smart Facility Management’ หรือผู้ให้บริการ ‘บริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์อัจฉริยะ’ รายแรกของประเทศไทย

อธิบายแบบง่ายๆ คือ ‘Metthier’ นำเอาธุรกิจเดิมอย่าง ‘บริการ รปภ. และแม่บ้าน’ มาบวกกับความถนัดของบริษัทแม่อย่าง ‘เทคโนโลยี’ ออกมาเป็นธุรกิจใหม่อย่าง ‘บริการดูแลรักษาอาคารอัจฉริยะ’ โดยเลือกโมเดลเป็น ‘Subscirption Model’ ลูกค้าจ่ายค่าบริการเป็นรายเดือน

ความอัจฉริยะที่ว่าคือ Metthier จะมี ‘MIOC’ ที่เป็นศูนย์รวมระบบปฏิบัติการที่เชื่อมกับอุปกรณ์ IoT ต่างๆ ภายในอาคาร ทำงานร่วมกับเทคโนโลยี AI ทำให้สามารถจำลองอาคารออกมาเป็น ‘แบบจำลองอาคาร 3 มิติ’ (3D Visualization) และระบุพิกัดภายในอาคารดิจิทัล (Digital Mapping) แสดงผลภาพรวมแต่ละชั้นและระบุตำแหน่งเหตุการณ์แบบเรียลไทม์

ผลลัพธ์ คือ สามารถกำหนดมาตรฐานต่างๆ ในอาคารให้เป็นไปตามมาตรฐานการปฏิบัติงานของแต่ละอุตสาหกรรมได้ แล้วยังช่วยให้วิเคราะห์และแก้ไขปัญหา รวมถึงคาดการณ์สถานการณ์เพื่อเตรียมรับมือล่วงหน้าได้ด้วย

นอกจากนั้น ยังมี ‘ระบบบริหารจัดการกำลังพล’ (Workforce Management System) ช่วยวางแผนกำลังเจ้าหน้าที่ภายในพื้นที่ล่วงหน้า บันทึกข้อมูลและจัดทำรายงานผลการทำงานของเจ้าหน้าที่ เพื่อความคล่องตัวสูงสุด

ซึ่งจะทำงานร่วมกับแอปพลิเคชัน ‘MettLink’ สามารถบันทึกเวลาเข้า-ออกงานด้วยการสแกนใบหน้า ทำให้ตรวจสอบข้อมูลลงเวลาทำงานแบบเรียลไทม์ เชื่อมศูนย์ปฏิบัติการกับเจ้าหน้าที่ได้ รวมทั้งระบุจุดที่ตั้งของเจ้าหน้าที่และจุดเกิดเหตุ เพื่อให้สามารถแก้ไขเหตุการณ์ ได้อย่างรวดเร็วและทันท่วงที

จึงทำให้บริการของ ‘Metthier’ สามารถตรวจจับการบุกรุกเข้าพื้นที่หวงห้าม ตั้งค่าแบล็คลิสต์บุคคลที่ไม่ต้องการให้มาภายในอาคาร และแจ้งเตือนไปยัง รปภ. ได้โดยอัตโนมัติ หรือสามารถตรวจเช็กระบบน้ำไฟภายในอาคารและแจ้งเตือนความผิดปกติได้ หรือกิจกรรมอื่นๆ ที่ใกล้เคียงได้

อ้างอิง : https://workpointtoday.com/sky-group-metthier-launch/

AI สามารถวิเคราะห์และตรวจหาภาวะโรคเบาหวานได้ด้วยเสียง ใน 10 วินาที!!

โรคเบาหวานอีกหนึ่งโรคที่ผู้มีภาวะเสี่ยงมากมาย การตรวจหาจะต้องใช้เวลาและค่าใช้จ่ายสูง เกิดเป็นภาระต้นทุนทางทรัพย์สินและเวลา แต่วงการแพทย์จะเปลี่ยนไป เมื่อการตรวจหาโรคเบาหวาน สามารถทำได้ด้วยการวิเคราะห์ผ่านเสียงภายใน 10 วินาทีเท่านั้น โดยข้อมูลดังกล่าวมีการเปิดเผยจาก วารสาร “Mayo Clinic Proceedings: Digital Health.” ผลพบว่า AI สามารถวินิจฉัยได้แม่นยำ กรณีเป็นเพศหญิงคิดเป็น 89% ส่วนเพศชายความแม่นยำอยู่ที่ 86% ด้วยการใช้แค่ข้อมูลพื้นฐาน อาทิ อายุ, เพศ, ส่วนสูง และน้ำหนัก จากนั้น AI จะทำการวิเคราะห์ต่อ. นาย Jaycee Kaufman หัวหน้าผู้นำการวิจัย อธิบายอย่างง่ายว่า เสียงของผู้ป่วยเบาหวานจะมีความแตกต่างระหว่างเสียงของคนปกติและผู้ป่วยอย่างมีนัยยะสำคัญ ซึ่งการค้นพบนี้เป็นความก้าวหน้าทางการแพทย์ สามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายและระยะเวลาการวินิจฉัยได้

วิธีการคือ ให้ผู้ป่วยเบาหวานบันทึกเสียงผ่านสมาร์ทโฟนวันละ 6 ครั้ง นานติดต่อกันเป็นเวลา 2 สัปดาห์ จากนั้น AI จะทำการประมวลผล ผ่านไฟล์เสียงและเคสศึกษาต่างๆ มากกว่า 18,000 รูปแบบ แล้วนำมาวิเคราะห์ พบว่ามีฟีเจอร์ของเสียง 14 จุดที่แตกต่างกันระหว่างคนปกติและคนที่ป่วยเป็นเบาหวาน จากนั้นหากพบเจอผู้ทดสอบเสี่ยงเป็นหรือเป็นแล้ว จะแจ้งเตือนไปยังแอปฯ ในสมาร์ทโฟน

ทาง Klick Labs บริษัทผู้ร่วมพัฒนา วางแผนทดสอบซ้ำ ก่อนการนำไปใช้งานจริง รวมถึงขยายขีดความสามารถของ AI ให้วิเคราะห์ ภาวะก่อนการเกิดเบาหวาน (pre-diabetes) และโรคความดันโลหิตสูง รวมถึงอาการทางสุขภาพอื่นๆ ได้อีกด้วย

อ้างอิง : https://news.siamphone.com/news-52424.html#google_vignette

—————————————————————————————-

ทั้งหมดเป็นข่าวที่น่าสนใจใน 20 -26 ตุลาคม 2566 พบกันใหม่ในสัปดาห์หน้านะคะ : )

หากมีข้อสงสัย ติชมสามารถ ติดตามและสอบถามได้ที่
 : AIไทยสามารถ โดย AI for all Thailand



เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

อนุญาตทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึก