ข่าว AI รอบโลก – สัปดาห์ที่ 2 เดือน พฤศจิกายน 2023

GitLab เพิ่มประสิทธิภาพ DevSecOps ด้วย AI แนะนำโค้ดและแชท

GitLab ได้เปิดตัวความสามารถใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ในรุ่นล่าสุด โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับทีม DevSecOps โดย GitLab เวอร์ชันเดือนพฤศจิกายนจะนำเสนอรุ่นเบต้าของ GitLab Duo Chat ซึ่งเป็นผู้ช่วย AI สำหรับการแชท และต่อจากนั้น GitLab รุ่นเดือนธันวาคม เราจะได้เห็น AI แนะนำโค้ด GitLab Duo รุ่นพร้อมใช้งาน

GitLab Duo Chat เป็นศูนย์กลาง โดยมอบข้อมูลเชิงลึก คำแนะนำ และข้อเสนอแนะอันล้ำค่าแก่ผู้ใช้ นอกเหนือจากการวิเคราะห์โค้ดแล้ว ยังสนับสนุนงานต่างๆ เช่น การวางแผน การแก้ไขปัญหาด้านความปลอดภัย การแก้ไขปัญหาความล้มเหลวไปป์ไลน์ CI/CD

ชุด GitLab Duo ประกอบด้วยความสามารถด้าน AI 14 ประการ เช่น AI ตรวจสอบแนะนำโค้ด สรุปช่องโหว่ คำอธิบายรหัสต่างๆ สรุปการอภิปรายในการวางแผน สรุปการตรวจสอบโค้ด การสร้างการทดสอบ การวางแผนการสร้างคำอธิบาย และอื่นๆ

ตามรายงานของ GitLab ผู้เชี่ยวชาญ DevSecOps ร้อยละ 83 พิจารณาการนำ AI ไปใช้ในกระบวนการที่จำเป็น โดยร้อยละ 95 ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวและการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาในการเลือกใช้เครื่องมือ AI รายงานสถานะของ AI ในการพัฒนาซอฟต์แวร์โดย GitLab เปิดเผยว่านักพัฒนาส่วนใหญ่ใช้เวลาเพียง 25 เปอร์เซ็นตในการเขียนโค้ด ซึ่งชุด Duo มุ่งหวังที่จะแก้ไขปัญหานี้ หวังให้ประหยัดเวลาได้ที่ 7 เท่า โดยการลดขั้นตอนต่างๆของ DevSecOps เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของนักพัฒนา และลดการใช้จ่ายด้านซอฟต์แวร์

อ้างอิง : https://www.artificialintelligence-news.com/2023/11/13/gitlab-new-ai-capabilities-empower-devsecops/

Microsoft เปิดตัว Copilot Studio ปรับแต่ง AI แบบ No-Code เพิ่มความสามารถ Microsoft 365 Copilot

OpenAI ได้เปิดตัวแพลตฟอร์ม GPT ใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้าง ChatGPT เวอร์ชันของตนเองได้ โดย Microsoft ได้เปิดตัว Copilot Studio ซึ่งเป็นโซลูชันแบบไม่ต้องเขียนโค้ดที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถพัฒนา copilot แบบกำหนดเองหรือรวมแชทบอท ChatGPT AI เข้าด้วยกัน โดยหลักแล้วจะเป็นส่วนขยายของ Microsoft 365 Copilot ซึ่ง Copilot Studio ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ และผู้ใช้สามารถปรับแต่ง Copilot ใน Microsoft 365 ได้โดยผสมผสานชุดข้อมูล โฟลว์อัตโนมัติ และ Copilot ที่ไม่ซ้ำใคร

Jared Spataro หัวหน้าฝ่ายแอปพลิเคชันการทำงานและธุรกิจสมัยใหม่ของ Microsoft ยืนยันว่า Copilot Studio ลดความซับซ้อนของกระบวนการสร้างผู้ช่วย AI และเชื่อมต่อกับระบบธุรกิจหลัก ผู้ดูแลระบบไอทีสามารถใช้ภาษาธรรมชาติหรืออินเทอร์เฟซแบบกราฟิกเพื่อเชื่อมโยงแหล่งข้อมูลใหม่จากคู่ค้า เช่น SAP, Workday, ServiceNow และอื่นๆ พวกเขายังสามารถสร้างและเผยแพร่ copilots แบบกำหนดเองได้อีกด้วย

Spataro เน้นย้ำถึงความง่ายในการใช้ภาษาธรรมชาติเพื่ออธิบายฟังก์ชันที่ต้องการ โดย Copilot Studio จะช่วยในการสร้างและทำซ้ำการออกแบบการสนทนา โดนขยายจาก copilots ของเว็บไซต์ที่ตอบคำถามเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ไปจนถึง copilots ที่ใช้ภายในการเปิดเผยรายได้รายไตรมาส

การประกาศ Copilot Studio ของ Microsoft เป็นส่วนหนึ่งของการผลักดัน AI ในวงกว้างสำหรับ Copilot รวมถึงฟีเจอร์ทางธุรกิจใหม่ การเปลี่ยนโฉมแบรนด์ Bing Chat และการเปิดตัว CPU และชิป AI แบบกำหนดเองเพื่อปรับปรุงประสบการณ์เหล่านี้

อ้างอิง : https://www.theverge.com/2023/11/15/23960417/microsoft-copilot-ai-studio-custom-gpts-chatgpt-openai

Nvidia เปิดตัวชิป AI รุ่นอัปเกรดใหม่ เนื่องจากความต้องการอย่างสูงของชิปรุ่นก่อนหน้า

Nvidia เตรียมเปิดตัว HGX H200 ซึ่งเป็นชิประดับไฮเอนด์ตัวใหม่ที่ออกแบบมาสำหรับงาน AI โดยเป็นการอัปเกรดจาก H100 ที่เป็นที่ต้องการ โดยตัว H200 มีแบนด์วิธหน่วยความจำเพิ่มขึ้น 1.4 เท่า และความจุหน่วยความจำเพิ่มขึ้น 1.8 เท่า ช่วยเพิ่มขีดความสามารถสำหรับงาน AI ขั้นสูง

รองประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูงของ Nvidia เน้นย้ำว่าหน่วยความจำที่เร็วขึ้นและจุได้มากขึ้น จะช่วยเร่งประสิทธิภาพในงานที่ต้องการการประมวลผลสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับโมเดล AI ทั่วไปและแอปพลิเคชันการประมวลผลประสิทธิภาพสูง

H200 รับประกันความเข้ากันได้กับระบบที่รองรับ H100 และผู้ให้บริการคลาวด์เช่น Amazon, Google, Microsoft และ Oracle คาดว่าจะเป็นผู้ใช้ GPU ใหม่นี้ในช่วงแรกๆ ราคาสำหรับ H200 นั้นยังไม่มีการเปิดเผย แต่คาดว่าจะมีราคาอยู่ระหว่าง 25,000 ถึง 40,000 เหรียญสหรัฐฯ ต่อเครื่อง ชิป H200 เริ่มต้นมีกำหนดเปิดตัวในไตรมาสที่สองของปี 2024 และ Nvidia กำลังร่วมมือกับผู้ผลิตระบบระดับโลกและผู้ให้บริการคลาวด์เพื่อการจัดจำหน่าย

Nvidia ให้ความมั่นใจว่าการเปิดตัว H200 จะไม่ส่งผลกระทบต่อการผลิต H100 และกำลังดำเนินการเพื่อเพิ่มอุปทานโดยรวม โดยปีหน้าพวกเขาคาดว่าสถานการณ์ต่างๆจะเอื้ออำนวยมากขึ้นสำหรับผู้ซื้อ GPU มีรายงานที่เสนอแนะแผนของ Nvidia ที่จะผลิต H100 สามเท่าในปี 2567 โดยตั้งเป้าที่จะเข้าถึงได้มากถึง 2 ล้านหน่วยเมื่อเทียบกับประมาณ 500,000 ในปี 2566 ซึ่งการเติบโตอย่างรวดเร็วอย่างต่อเนื่องในแอปพลิเคชัน AI ทั่วไปยังตอกย้ำถึงความเข้มแข็งที่เพิ่มขึ้นรวมไปถึงความต้องการเทคโนโลยี GPU ขั้นสูง

อ้างอิง : https://www.theverge.com/2023/11/13/23958823/nvidia-h200-ai-gpu-announced-specs-release-date

‘Ai Pin’ คู่แข่งสมาร์ทโฟนที่ไม่ต้องถือในมือ เพียงติดที่อกแล้วระบบจะฉายเลเซอร์บนฝ่ามือที่สั่งตอบข้อความหรือเปลี่ยนเพลงได้ แต่มีราคา 25,000 บาท

ทีมผู้บริหารอดีตของ Apple นำโดย Imran Chaudhri และ Bethany Bongiorno ได้เปิดตัวอุปกรณ์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ชื่อ Ai Pin ซึ่งถูกประกาศโดย Humane สตาร์ทอัพของพวกเขาในซานฟรานซิสโก นับเป็นก้าวสำคัญในการนำเอาผู้ช่วยเสียงที่ขับเคลื่อนด้วย ChatGPT ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาโดย OpenAI ที่ได้รับการสนับสนุนจาก Microsoft มาใช้ในชีวิตประจำวัน

Ai Pin ซึ่งจะเริ่มวางจำหน่ายในสหรัฐฯ ในวันที่ 16 พฤศจิกายน และจะเริ่มจัดส่งในต้นปี 2024 เป็นอุปกรณ์สวมใส่ที่ออกแบบให้สวมที่หน้าอก หน้าที่หลักของมันคือการเข้าถึงผู้ช่วย AI ที่ใช้ ChatGPT เพื่อเข้าใจและดำเนินการตามคำสั่ง

คุณลักษณะที่โดดเด่นที่สุดของอุปกรณ์คือ ระบบการฉายเลเซอร์ที่แสดงข้อมูลบนฝ่ามือของผู้ใช้ ทำให้ไม่ต้องใช้หน้าจอแบบดั้งเดิม โดยใช้เซ็นเซอร์ความลึกในการตีความการเคลื่อนไหวของมือเพื่อโต้ตอบกับฟังก์ชันต่างๆ เช่น การตอบกลับข้อความหรือเปลี่ยนเพลง
ผลิตภัณฑ์นี้เป็นหนึ่งในการพยายามครั้งแรกในการใช้ประโยชน์จากความก้าวหน้าใน Generative AI และนับเป็นการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นไปสู่ยุคหลังสมาร์ทโฟน แม้ว่าอนาคตของเทคโนโลยีดังกล่าวยังไม่แน่นอนก็ตาม

ในการประชุม Tech Live ของ Wall Street Journal ในเดือนตุลาคม Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI ซึ่งเป็นนักลงทุนส่วนตัวใน Humane ได้แสดงความสนใจในการสำรวจฮาร์ดแวร์ที่เน้น AI แม้ว่าแนวคิดของเขายังอยู่ในระยะเริ่มต้น

Ai Pin มีราคาเริ่มต้นที่ 699 ดอลลาร์ หรือราว 25,000 บาท พร้อมค่าบริการรายเดือนเพิ่มเติม 24 ดอลลาร์ (รวมแผนบริการเซลลูลาร์และหมายเลขโทรศัพท์สำหรับข้อความและการโทร) แม้ราคาค่อนข้างสูง แต่ในการสาธิต ผู้ช่วย AI ได้แสดงความสามารถต่างๆ รวมถึงการตอบคำถามเกี่ยวกับข้อมูลทั่วไป การถ่ายภาพ การแปลภาษา การเล่นเพลง การเขียนข้อความ และการโทร
อย่างไรก็ตาม เวลาตอบสนองของ AI อยู่ที่ประมาณ 5 วินาที ซึ่งช้ากว่าผู้ช่วยเสียงที่มีอยู่ เช่น Alexa และ Siri และบางครั้งก็มีปัญหาในการตอบคำขอบางอย่าง

อ้างอิง : https://thestandard.co/ai-pin/

นักวิทย์ใช้ AI ศึกษาภูเขาน้ำแข็ง ประมวลผลเร็วกว่ามนุษย์ 10,000 เท่า

นักวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยลีดส์ ประเทศอังกฤษ ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ศึกษาการละลายของภูเขาน้ำแข็งซึ่งเป็นตัวสะท้อนภาวะโลกร้อนได้เป็นอย่างดี โดยวิธีการศึกษาใหม่นี้แตกต่างจากวิธีการเดิมที่ใช้มนุษย์ในการติดตามการละลายของภูเขาน้ำแข็ง ซึ่งหากเทียบความเร็วในการทำงานและประมวลผลพบว่าปัญญาประดิษฐ์ทำงานได้เร็วกว่ามนุษย์ 10,000 เท่า ใช้เวลาตรวจสอบโครงสร้างของภูเขาน้ำแข็งเพียง 0.01 วินาที

สาเหตุสำคัญที่ทำให้นักวิทยาศาสตร์มุ่งศึกษาภูเขาน้ำแข็ง นอกจากเป็นตัวสะท้อนภาวะโลกร้อนและระดับน้ำในทะเลเพิ่มสูงขึ้น ภูเขาน้ำแข็งที่ละลายออกมาจากทวีปแอนตาร์กติกาอาจทำอันตรายต่อเรือเดินสมุทร ซึ่งต้องมีการติดตามระบุตำแหน่งของภูเขาน้ำแข็งอยู่ตลอดเวลา
สำหรับภูเขาน้ำแข็งที่นักวิทยาศาสตร์เลือกศึกษาติดตามความเปลี่ยนแปลงมีหลายลูกด้วยกัน แต่ภูเขาน้ำแข็งที่ชื่อว่า A68a ได้รับความสนใจเป็นพิเศษเพราะมันมีความยาวมากกว่า 100 ไมล์ หรือประมาณ 160 กิโลเมตร ความกว้าง 30 ไมล์ หรือประมาณ 48 กิโลเมตร ภูเขาน้ำแข็งลูกดังกล่าวได้แตกตัวและลอยแยกออกจากคาบสมุทรแอนตาร์กติกในปี 2017

นักวิทยาศาสตร์ประเมินว่าภูเขาน้ำแข็งที่ละลายอาจปล่อยน้ำจืดกว่า 1 ล้านล้านตันลงสู่มหาสมุทร ซึ่งอาจกระทบต่อสิ่งมีชีวิตในทะเลและห่วงโซ่อาหาร อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์ยังไม่มีข้อสรุปว่าปริมาณน้ำจืดมหาศาลนี้จะส่งผลกระทบด้านบวกหรือด้านลบต่อระบบนิเวศในทะเล
วิธีการติดตามและบันทึกภาพภูเขาน้ำแข็ง A68a นักวิทยาศาสตร์ใช้ภาพถ่ายดาวเทียม Sentinel-1 ขององค์การอวกาศยุโรป ที่มีความแม่นยำสูง ซึ่งข้อมูลเหล่านี้มีความสำคัญในการติดตามการละลายของน้ำแข็ง โดยภาพถ่ายจำนวนหลายพันภาพที่ถูกบันทึกด้วยดาวเทียมหากใช้มนุษย์อาจต้องใช้เวลานานหลายปีในการประมวลผลข้อมูล
การใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เรียนรู้และประมวลผลข้อมูลเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในขณะนี้เมื่อเทียบกับจำนวนของภาพถ่ายหลายพันภาพที่รอการวิเคราะห์ประมวลผล อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์ยังคงพบปัญหาเล็กน้อยโดยข้อมูลภาพบางส่วนมีขนาดใหญ่เกินกว่าปัญญาประดิษฐ์จะสามารถประมวลผลได้ทำให้ความแม่นยำในการประมวลลดลงมาอยู่ที่ 99%
ในขณะนี้การวิจัยภูเขาน้ำแข็ง A68a ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง และด้วยความสามารถของปัญญาประดิษฐ์คาดว่าผลการวิจัยและข้อสรุปต่าง ๆ สามารถทำได้รวดเร็วมากขึ้น รวมไปถึงการติดตามภูเขาน้ำแข็งลูกอื่น ๆ ไปพร้อม ๆ กันหลายลูก

อ้างอิง : https://news.trueid.net/detail/KAN8aDnz683g

ปฏิวัติวงการการแพทย์ ! AI ถอดความคิดเป็นข้อความ ช่วยผู้ป่วย ALS กลับมามีเสียงอีกครั้ง

Project Halo คือ เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่ขับเคลื่อนโดย AI ของ Unbabel บริษัทเทคโนโลยีด้านระบบประสาท โดยเทคโนโลยีนี้จะใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับคลื่นสมองเพื่ออ่านความคิดของผู้ใช้ จากนั้นจะใช้ AI แปลงความคิดเป็นข้อความ โดยข้อความที่แปลงแล้วจะถูกแสดงบนหน้าจอหรือพูดออกเสียงโดยลำโพง

Vasco Pedro CEO ของ Unbabel แสดงให้เห็นว่า Project Halo ทำให้ผู้ใช้สามารถสื่อสารได้โดยการคิดถึงสิ่งที่ต้องการจะสื่อสารเท่านั้น ไม่ต้องพูดหรือพิมพ์ เพราะความคิดของผู้ใช้จะถูกอ่านโดยเซ็นเซอร์ตรวจจับคลื่นสมอง และแปลงเป็นข้อความโดยปัญญาประดิษฐ์

“แค่คิดถึงสิ่งที่ต้องการจะสื่อสาร เครื่องก็ทำงานให้ทั้งหมด” Pedro กล่าว “มีภาษาสากลมากมายที่เกิดขึ้นภายในสมองของเรา เมื่อคุณดูภาพ fMRI ของคนที่พูดภาษาต่างกัน แต่คิดถึงวัตถุเดียวกัน พวกเขาก็จะกระตุ้นพื้นที่เดียวกันในสมอง”

บริษัท Unbabel ได้สาธิต Project Halo ในงานประชุม Web Summit เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยแสดงให้เห็นถึงวิธีที่ Project Halo ช่วยให้ผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (ALS) สื่อสารคำสั่งอาหารกลางวันกับภรรยาของเขาโดยไม่ต้องพูด เพราะระบบจะถอดรหัสคำพูดจากสัญญาณประสาท จากนั้นก็สังเคราะห์ออกมาเป็นข้อความเสียงดิจิทัลที่ใกล้เคียงกับเสียงต้นฉบับของเขามากที่สุด ซึ่งเสียงนั้นถูกบันทึกไว้ก่อนที่เขาจะสูญเสียความสามารถในการพูด
Unbabel ไม่ใช่ AI ตัวแรกที่อ่านใจได้ เพราะก่อนหน้านี้ Meta เพิ่งพัฒนาระบบ AI ที่สามารถสแกนการทำงานของคลื่นสมอง และสร้างรูปภาพขึ้นมาใหม่ได้แบบเรียลไทม์จากภาพที่สมองของมนุษย์รับรู้และประมวลผลในแต่ละช่วงเวลา

อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างที่สำคัญคือ Project Halo สามารถอ่านใจและสร้างข้อความตอบกลับด้วยภาษาที่เป็นธรรมชาติ โดยตามที่ Pedro กล่าวไว้ สิ่งนี้จำเป็นต้องบูรณาการเข้ากับโมเดลภาษาที่สามารถเรียนรู้เกี่ยวกับบริบทส่วนบุคคล ความสัมพันธ์ ความชอบ และเรื่องส่วนตัวอื่น ๆ ของผู้ใช้ เพื่อสร้างข้อความที่สะท้อนถึงสิ่งที่พวกเขาต้องการสื่อสารได้อย่างถูกต้อง

อ้างอิง : https://siamblockchain.com/2023/11/15/mind-reading-ai-turns-thoughts-into-text-gives-als-patient-his-voice-back/

—————————————————————————————-

ทั้งหมดเป็นข่าวที่น่าสนใจใน 10 – 16 พฤศจิกายน 2566 พบกันใหม่ในสัปดาห์หน้านะคะ : )

หากมีข้อสงสัย ติชมสามารถ ติดตามและสอบถามได้ที่
 : AIไทยสามารถ โดย AI for all Thailand



เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

อนุญาตทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึก