ข่าว AI รอบโลก – สัปดาห์ที่ 2 เดือน มิถุนายน 2023

ใกล้คลอดแล้ว! ฟีเจอร์ Gen-AI ตัวแรกของ Meta คือ “สติ๊กเกอร์” สั่งได้ใน Messenger

ทุกบริษัทโซเชียลมีเดียต่างซุ่มพัฒนา Gen-AI ของตนเอง ล่าสุดมีข่าวอัปเดตจากฝั่ง “Meta” ว่าฟีเจอร์แรกที่ใช้พลัง AI กำลังจะเปิดให้ใช้เร็วๆ นี้ โดยเป็นฟีเจอร์ “สติ๊กเกอร์” สั่งได้ตามใจบน Messenger บริษัทยังระบุด้วยว่า นี่เป็นเพียง ‘ยอดภูเขาน้ำแข็ง’ ของฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่จะตามมาอีกเพียบ

สำนักข่าว The Verge รายงานจากการประชุมภายในบริษัท Meta นำโดย Ahmad Al-Dahle รองประธานฝ่าย AI ของบริษัท กล่าวกับพนักงานว่า บริษัทกำลังจะนำโมเดลการสร้างภาพอัตโนมัติเข้ามาให้ผู้ใช้ในแพลตฟอร์มได้ใช้งาน โดยเป็นการใช้เพื่อสร้าง “สติ๊กเกอร์” ได้ตามใจ เพียงแค่ป้อนคำสั่ง (prompt) เข้าไปเท่านั้น และทางบริษัทจะให้พนักงานได้ทดลองใช้งานฟีเจอร์นี้ก่อนจะปล่อยออกสู่สาธารณะ “ด้วยสติ๊กเกอร์ที่สร้างขึ้นโดย Gen-AI ผู้ใช้ของเราจะมีทางเลือกอย่างไม่จำกัดในการแสดงออกถึงตัวตน เป็นตัวแทนทางวัฒนธรรม และเกาะติดเทรนด์ได้” Al-Dahle กล่าว “แน่นอนว่า สติ๊กเกอร์จะเป็นเพียงแค่ยอดภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น”

Al-Dahle กล่าวว่า ก้าวต่อไปของบริษัทคือ พวกเขากำลังสร้างโมเดล AI เพื่อให้เกิดฟีเจอร์ที่ AI จะเปลี่ยนรูปภาพที่คุณต้องการไปเป็นภาพอะไรก็ได้ที่กำหนด เช่น เปลี่ยนภาพสุนัขคอร์กี้ตัวนี้ให้กลายเป็นรูปแบบภาพวาด หรือจะเปลี่ยนอัตราส่วนของภาพที่ต้องการก็ได้

การประชุมครั้งนี้ Meta ยังอัปเดตความคืบหน้าของโครงการโซเชียลมีเดียใหม่ของทาง Instagram ที่จะมาแข่งขันกับ Twitter โดยตรง และแนวคิดของ Mark Zuckerberg ซีอีโอบริษัท ที่มีต่อการเปิดตัวแว่น Apple Vision Pro ซึ่งเขามองว่าวิสัยทัศน์ในการพัฒนาแว่น VR ของทั้งสองบริษัทนั้นต่างกัน (และราคาก็ต่างกันมากด้วย) ก่อนหน้านี้ Zuckerberg เคยประกาศไว้ในเดือนเมษายนว่า Meta จะนำ AI ไปสู่ผู้คนนับพันล้านคน เป้าหมายคือการนำฟีเจอร์เหล่านี้ไปใช้ในโซเชียลมีเดียหลักทุกแพลตฟอร์มของบริษัท ได้แก่ Facebook, Instagram, Messenger และ WhatsApp

บริษัทนี้ยังมีการพัฒนาโมเดล AI สายภาษาอย่าง LLaMA Language Model ขึ้นมาด้วย โดยเป็น AI ที่สามารถเขียนข้อความให้อัตโนมัติเพียงป้อนกลุ่มคำเบื้องต้นเข้าไปให้ นอกจากนี้ บริษัทเพิ่งจะประกาศการสร้างโมเดล AI แบบโอเพ่นซอร์สตัวใหม่อีกตัวหนึ่งด้วย โดยจะเป็นระบบที่รวมทั้งข้อความ เสียง ภาพ การเคลื่อนไหว ฯลฯ เข้ามาทำงานร่วมกัน

อ้างอิง : https://positioningmag.com/1433751

โดนถอดถาวร Cortana ผู้ช่วยบน Windows ถูกแทนที่ด้วย AI เวอร์ชั่นใหม่

Microsoft เตรียมยกเลิกใช้งาน Cortana ผู้ช่วยเหลือแบบสแตนอโลน บน Windows 10 ภายในปีสิ้นปีนี้ หลังมีการพัฒนาผู้ช่วย AI ในเวอร์ชั่นดีกว่า

สำหรับ Cortana เปิดตัวครั้งแรกบน Windows Phone เมื่อหลายปีก่อน และเริ่มขยายเป็นแอปให้แพลตฟอร์มอื่น ๆ โหลดใช้งานได้ ทั้ง Windows 10,11 , Android และ iOS ซึ่งเราสามารถสั่งการด้วยเสียงเพื่อให้เขาช่วยตั้งค่าการเตือน การสร้างกิจกรรมในปฏิทิน การอัปเดตสภาพอากาศ และการค้นหาข้อมูลในเว็บไซต์ต่าง ๆ

แต่มีข้อมูลยืนยันแล้วว่า ในปลายปีนี้ Cortana จะถูกนำออกจาก Windows 10 และ 11 อย่างถาวร ซึ่งใน Windows 11 จะถูกแทนที่ด้วย Windows Copilot ซึ่งเป็น AI ทรงประสิทธิภาพมากกว่า ที่ Microsoft เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อ 2 อาทิตย์ก่อนครับ (แต่ตอนนี้ ยังเป็นเวอร์ชั่น Preview นะ)

นอกจาก Windows Copilot แล้ว Microsoft ยังมีการพัฒนาระบบ AI ร่วมกับ ChatGPT ทำให้ Bing สามารถค้นหาข้อมูลหรือตอบคำถามได้เหมือน ๆ กับ ChatGPT แถมใช้ฟรี ไม่มีข้อจำกัดด้วย นอกจากนี้ยังมีข่าวว่า Microsoft ยังร่วมมือกับ Nvidia ในการพัฒนา AI แบบ สแตนด์อโลน บน Windows 11 สำหรับผู้ใช้การ์ดจอของ Nvidia โดยเฉพาะ ซึ่งน่าจะทำให้ AI มีความฉลาดเพิ่มมากขึ้น

อ้างอิง : https://www.techhub.in.th/microsoft-is-killing-cortana-on-windows-starting-late-2023/

ฟีเจอร์ใหม่ Google Shopping ใช้ AI จำลองเสื้อผ้าตามประเภทร่างกาย

Google กำลังแนะนำฟีเจอร์ใหม่ 2 แบบสำหรับประสบการณ์การช็อปปิ้งออนไลน์ ซึ่งออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้ใช้ค้นหาเสื้อผ้าได้ละเอียดยิ่งขึ้น และเห็นภาพได้ดียิ่งขึ้นว่าเสื้อผ้าจะมีลักษณะอย่างไรกับร่างกายประเภทต่างๆ

ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผู้ใช้ Google Shopping ในสหรัฐอเมริกาจะสามารถเข้าถึงประสบการณ์การลองสวมแบบเสมือนจริงที่แสดงให้เห็นว่าเสื้อผ้าจะมีลักษณะอย่างไรในแบบจำลองของมนุษย์จริง ซึ่งจะมีโทนสีผิว ชาติพันธุ์ ประเภทผม และรูปร่างที่หลากหลายให้เลือก โดยมีขนาดตัวตั้งแต่ XXS ถึง 4XL อีกด้วย เพื่อช่วยให้ผู้ใช้เห็นว่าเสื้อผ้าชิ้นหนึ่งจะมีลักษณะอย่างไรเมื่ออยู่บนคนที่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายๆ กับตนเอง

โดยในเบื้องต้น เสื้อผู้หญิงจากแบรนด์ต่างๆ เช่น H&M, Anthropologie, Everlane และ Loft เท่านั้นที่จะเปิดให้ลองใช้งานฟีเจอร์นี้ โดย Google อ้างว่าเสื้อผู้ชายและ “เครื่องแต่งกายอื่นๆ” จะวางจำหน่ายในช่วงปลายปีนี้ ฟีเจอร์นี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้ซื้อหลีกเลี่ยงความผิดหวังโดยการแสดงภาพอย่างแม่นยำว่าเสื้อผ้าชิ้นหนึ่งจะมีลักษณะอย่างไรก่อนที่จะซื้อ บริษัทอ้างโดยอ้างอิงข้อมูลการช้อปปิ้งของตนเองว่า 59 เปอร์เซ็นต์ของนักช็อปออนไลน์ผิดหวังกับการซื้อเสื้อผ้าเพราะ

ทาง Google Shopping ได้ใช้โมเดล generative AI ซึ่งได้รับการฝึกฝนโดยการเพิ่ม Gaussian noise ให้กับภาพ ซึ่งโมเดลจะเรียนรู้วิธีลบออกเพื่อสร้างภาพที่เหมือนจริง กระบวนการนี้ช่วยให้โมเดล AI ของ Google สามารถพรรณนาได้อย่างสมจริงว่าเสื้อผ้าจะยับ พับ พับ ติดแน่น และยืดอย่างไรบนโมเดลที่หลากหลาย ไม่ว่าจะอยู่ในมุมหรือท่าทางใด เพื่อความชัดเจน โมเดลต่างๆ สำหรับ Google Shopping นั้นไม่ได้สร้างโดย AI แต่ว่า AI นั้นใช้เพียงเพื่อสร้างรูปร่างเสื้อผ้ารอบๆ ภาพของหุ่นจำลองมนุษย์เหล่านี้

อ้างอิง : https://www.theverge.com/2023/6/14/23760504/google-shopping-ai-modeling-virtual-try-on-search-filters

Stack Overflow พบนักพัฒนาพร้อมที่จะใช้เครื่องมือ AI แม้ว่าพวกเขาจะไม่ไว้ใจ

การสำรวจความคิดเห็นของนักพัฒนาบนเว็บไซต์ Stack Overflow พบว่าเครื่องมือ AI กลายเป็นเรื่องธรรมดาในอุตสาหกรรมไปแล้ว แม้ว่าผู้เขียนโค้ดจะยังกังขาในความถูกต้องของมันก็ตาม การสำรวจพบว่า 77 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบแบบสอบถามรู้สึกชื่นชอบการใช้ AI ในกระบวนการทำงานของพวกเขา และ 70 เปอร์เซ็นต์กำลังใช้หรือวางแผนที่จะใช้เครื่องมือเขียนโค้ด AI ในปีนี้

ผู้ตอบแบบสอบถามอ้างถึงประโยชน์ต่างๆ เช่น ผลผลิตที่เพิ่มขึ้น (33 เปอร์เซ็นต์) และการเรียนรู้ที่เร็วขึ้น (25 เปอร์เซ็นต์) แม้ว่าพวกเขาระมัดระวังเกี่ยวกับความถูกต้องของระบบเหล่านี้ และมีเพียง 3 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบแบบสำรวจที่กล่าวว่าพวกเขา “ไว้วางใจอย่างมาก” เท่านั้น โดย 39 เปอร์เซ็นต์กล่าวว่าพวกเขา “ค่อนข้างไว้วางใจ” และอีกร้อยละ 31 ไม่แน่ใจ โดยที่เหลืออธิบายว่าตนเองค่อนข้างไม่ไว้วางใจ (ร้อยละ 22) หรือไม่ไว้วางใจอย่างมาก (ร้อยละ 5)

การสำรวจประจำปีได้รับการตอบกลับ 90,000 ครั้งจากผู้ตอบแบบสำรวจจาก 185 ประเทศ โดยตามข้อมูลของ Stack Overflow จุดเด่นอื่นๆ เกี่ยวกับการใช้ AI ได้แก่:

  • ChatGPT เป็นเครื่องมือ AI ค้นหา ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด โดย 83 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบแบบสอบถามใช้ ตามมาด้วย Bing AI (20 เปอร์เซ็นต์) WolframAlpha (13 เปอร์เซ็นต์) และ Google Bard AI (10 เปอร์เซ็นต์)
  • GitHub Copilot เป็นเครื่องมือค้นหาสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด โดย 55 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบแบบสอบถามใช้ ตามด้วย Tabnine (13 เปอร์เซ็นต์) และ AWS CodeWhisperer (5 เปอร์เซ็นต์)
  • ผู้ตอบแบบสำรวจในอินเดีย บราซิล และโปแลนด์มีแนวโน้มที่จะยอมรับเครื่องมือ AI มากกว่านักพัฒนาในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และเยอรมนี
  • ผู้ตอบแบบสอบถามที่ “กำลังเรียนรู้การเขียนโค้ด” มีแนวโน้มที่จะใช้เครื่องมือ AI มากกว่าผู้ที่กล่าวว่าตนเป็น “นักพัฒนามืออาชีพ” (82 เปอร์เซ็นต์ เทียบกับ 70 เปอร์เซ็นต์)

Prashanth Chandrasekar ซีอีโอของ Stack Overflow เพิ่งกล่าวถึง AI ว่าเป็น “โอกาสครั้งใหญ่” สำหรับเว็บไซต์ โดย Chandrasekar กล่าวว่าบริษัทจะเริ่มสร้างเครื่องมือ AI เชิงสร้างสรรค์ในแพลตฟอร์มของตน ขณะเดียวกันก็สำรวจวิธีเรียกเก็บเงินจากบริษัทต่างๆ สำหรับการเข้าถึงข้อมูล

อ้างอิง : https://www.theverge.com/2023/6/13/23759101/stack-overflow-developers-survey-ai-coding-tools-moderators-strike

FBI เตือน! นักแบล็กเมล์ใช้ภาพเปลือย deepfake เพื่อกลั่นแกล้งและขู่กรรโชกเหยื่อ

FBI ได้ออกคำเตือนคำแนะนำเกี่ยวกับแผนการขู่กรรโชกที่เกี่ยวข้องกับภาพเปลือยปลอมที่สร้างขึ้นด้วยความช่วยเหลือของเครื่องมือ AI หน่วยงานกล่าวว่า ณ เดือนเมษายนปีนี้ ได้รับรายงานมากขึ้นเกี่ยวกับ “การขู่กรรโชกทางเพศ (sextortion)” มากขึ้น

โดยคนร้ายจะนำภาพของเหยื่อบนโซเชียลมีเดีย จากนั้นแก้ไขภาพเหล่านั้นโดยใช้ AI เพื่อให้มีลักษณะที่โป๊เปลือยและสมจริง “จากนั้นรูปภาพจะถูกส่งตรงไปยังเหยื่อเพื่อขู่เข็ญทางเพศหรือล่วงละเมิด”

เอฟบีไอกล่าวว่าโดยปกติแล้วผู้แบล็กเมล์จะใช้เนื้อหาดังกล่าวเพื่อเรียกร้องภาพนู้ดจริงจากเหยื่อหรือชำระเงินบางประเภท FBI กล่าวว่า “แรงจูงใจหลักของสิ่งนี้คือความปรารถนาที่จะมีเนื้อหาที่ผิดกฎหมายมากขึ้น ผลประโยชน์ทางการเงิน หรือการรังแกและคุกคามผู้อื่น”

หน่วยงานแนะนำให้ประชาชน “ใช้ความระมัดระวัง” เมื่อแชร์ภาพของตนเองทางออนไลน์ อย่างไรก็ตามเพียงใช้ภาพหรือวิดีโอเพียงไม่กี่ภาพก็สามารถสร้าง Deepfake ได้แล้ว ซึ่งจะเห็นได้ว่าไม่มีใครสามารถปลอดภัยจากแผนการขู่กรรโชกในลักษณะดังกล่าวได้อย่างสมบูรณ์ เว้นแต่พวกเขาจะลบภาพทั้งหมดของตัวเองออกจากเว็บ

ภาพเปลือยในรูปแบบนี้เริ่มแพร่กระจายทางออนไลน์ครั้งแรกในปี 2017 เมื่อผู้ใช้ในฟอรัมอย่าง Reddit เริ่มใช้วิธีการจากงานวิจัย AI เพื่อสร้างเนื้อหาทางเพศของดาราหญิง แม้ว่าจะมีความพยายามที่จะตอบโต้การแพร่กระจายของเนื้อหานี้ทางออนไลน์ แต่เครื่องมือและไซต์สำหรับสร้างภาพเปลือยลึกปลอมนั้นสามารถเข้าถึงได้ง่ายมาก

อ้างอิง : https://www.theverge.com/2023/6/8/23753605/ai-deepfake-sextortion-nude-blackmail-fbi-warning

EU ออกร่างกฎหมายเพื่อใช้กำกับและดูแลการพัฒนา AI

ทุกวันนี้ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI เป็นหลายสิ่งที่หลายคนพัฒนาและอยากให้คนทั่วไปใช้งานกัน แต่เมื่อมีสิ่งใหม่ กฎในการควบคุมก็ต้องมี เพราะล่าสุดนี้ ทางรัฐสภายุโรป (European Parliamen) ได้มีมติโหวดเกี่ยวกับกฎหมายปัญญาประดิษฐ์ฉบับแรก (Artificial Intelligence Act) ออกมา

โดยกฎหมายฉบับนี้ออกแบบมาเพื่อควบคุมกระบวนการด้านเทรนข้อมูลขนาดใหญ่และรวมถึงการใช้งานที่เหมาะสม ตัวอย่างที่เห็นได้ในกฎหมายนี้จะมีข้อที่นักพัฒนาต้องรู้ เช่น
การห้ามประเมินอารมณ์หรือพยากรณ์อาญากรรมล่วงหน้า ,ห้ามจับในเรื่องของชีวมิติ (เกี่ยวกับข้อมูลพันธุกรรม เช่นการสแกนนิ้ว สแกนใบหน้า) ,การสร้างเนื้อหาของ ChatGPT หรือ Generative AI จะต้องเปิดเผยว่าทุกครั้งเป็นข้อมูลที่สร้างโดย AI
,กำกับเรื่องของ AI ประเภทของ AI ว่าอยู่ระดับไหน ถ้าเสี่ยงสูงต้องเตือน

เท่ากับกฎหมายชุดนี้ออกแบบเพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในหลายด้านทั้งด้านสิทธิขั้นพื้นฐาน, ความปลอดภัย, ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่างๆ และรวมถึงการบันทึกข้อมูลและต้องตรวจสอบให้ถูกต้องก่อนเผยแพร่ออกไปเช่นเดียวกัน
แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่ฉบับร่างเท่านั้นจะต้องผ่านการอภิปรายกันถึงข้อต่างๆ คงต้องใช้เวลาสักหน่อยก่อนที่กฎหมายนี้จะออกมาเป็นรูปเป็นร่าง

อ้างอิง : https://www.sanook.com/hitech/1582271/

ฟีเจอร์ “Help Me Write” ให้ AI ช่วยแต่งอีเมล กำลังจะเริ่มใช้งานในเวอร์ชั่นมือถือ

ในงาน Google I/O 2023 ที่ผ่านมา มีการเปิดตัวฟีเจอร์หนึ่งสำหรับ Workspace Labs ที่นาสนใจอย่าง Help Me Write ฟีเจอร์หนึ่งที่นำเทคโนโลยี AI มาช่วยในการพิมพ์อีเมลให้คุณสร้างความสะดวก แม้ว่าจะเริ่มที่เว็บก่อน แต่ข่าวดีเพราะตอนนี้มีนักทดสอบพบว่าฟีเจอร์นี้จะถ่ายทอดไปยังมือถือทั้ง Android และ iOS แล้ว

สำหรับการทำงานจะเหมือนกับเวอร์ชั่นมือถือ โดยระบบช่วยเขียนจะทำงานผ่าน Generative AI โดยมีปุ่ม Help Me Write (ภาษาไทยยังไม่ออกมาตอนนี้) จะอยู่รวมกับปุ่มสร้าง เมื่อกดแล้วจะมีการประมวลเหมือนกับสั่งงานผ่านการพูดโดย Google Keyboard

เมื่อคุณพิมพ์ข้อความเสร็จแล้วแตะเพื่อให้ระบบช่วยปรับแต่งข้อความ สามารถทำได้ตั้งแต่การจัดย่อหน้า, เรียงประโยคใหม่ การปรับแต่งให้เหมาะสม โดยทั้งหมดจะแสดงผลในเวลา 2 – 3 วินาทีหลังจากกด icon ระหว่างทำงานก็จะมีการกระพริบแสดงผลขึ้นมา แบ่งออกเป็น 4 รูปแบบ เช่น ข้อความทางการ,
ข้อความที่ต้องการขยายความ ,เขียนย่อ ,แสดงความรู้สึก (ทำได้แค่บางอย่าง) ,เขียนข้อความแบบร่าง

ทั้งนี้ระบบ Workspace Lab จะเปิดให้ทดสอบระบบ Help Me Write ได้แค่บางคนเท่านั้น ใครที่จะได้ใช้ต้องรอติดตามกันต่อไป

อ้างอิง : https://www.sanook.com/hitech/1582195/

THE BEATLES ใช้ AI คืนชีพเสียง JOHN LENNON ในเพลงสุดท้ายของวงที่จะปล่อยในปีนี้

Sir Paul McCartney ศิลปินรุ่นใหญ่ของวงระดับตำนาน The Beatles เผยว่าตัวเขาได้ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ในการสร้างสรรค์สิ่งที่เรียกว่า “การบันทึกเสียงครั้งสุดท้ายของ The Beatles” ที่มีเสียงของ John Lennon

McCartney ในวัย 80 ปี ได้ให้สัมภาษณ์กับรายการ BBC Radio 4’s Today ว่า เขาได้ใช้เทคโนโลยี AI ในการถอนเอาเสียงของ John Lennon โดยมีต้นฉบับมาจากเทปเดโม่เก่าของวง เพื่อนำเอาเสียงนี้มาบันทึกเป็นผลงานเพลงสตูดิโอได้ ซึ่งมีกำหนดจะปล่อยเพลงดังกล่าวภายในปลายปีนี้

อย่างไรก็ดีตัวเสียงจากเทปต้นฉบับดังกล่าวก็เป็นเสียงที่คุณภาพไม่ดีนัก โดยเป็นเสียงของ Lennon ผสมกับเสียงเปียโน ซึ่งอัดในอพาร์ตเมนต์ และก็เป็นหน้าที่ของ AI ที่จะถูกนำมาใช้เพื่อแยกเสียงของ Lennon ออกจากเสียงแบ็คกราวด์
Paul McCartney เล่าให้ทางสถานีวิทยุ BBC ฟังว่า “Peter Jackson (ผู้กำกับซีรีส์สารคดี The Beatles: Get Back) สามารถแยกเสียงของ John ออกจากเทปคาสเซ็ทและเปียโนได้เล็กน้อย เขาแยกพวกมันออกมาได้ด้วย AI ดังนั้นเมื่อเราจะทำสิ่งที่เป็น The last Beatles record ก็คือการทำงานกับเดโม่ที่ John เหลือไว้”

ทั้งนี้ศิลปินชาวอังกฤษก็ยังไม่ได้เผยชื่อเพลงเดโม่ดังกล่าว แต่ทาง BBC เชื่อว่าน่าจะเป็นเพลงที่มีชื่อว่า ‘Now and Then’ ที่ Lennon แต่งและบันทึกเดโม่ไว้ในปี 1978 ก่อนจะเสียงชีวิตในปี 1980 โดยเป็นหนึ่งในเพลงเดโม่ที่ถูกระบุบนปกเทปว่า For Paul ซึ่ง McCartney ได้รับเทปเดโม่นี้มาเมื่อปีก่อนจาก Yoko Ono ภรรยาของ Lennon

อย่างไรก็ดี McCartney ก็ได้ยอมรับว่าเทคโนโลยี AI เป็นสิ่งที่ค่อนข้างน่ากลัว แต่ก็ทำให้ตนรู้สึกตื่นเต้น ซึ่งต้องรอชมกันว่าเทคโนโลยีที่ว่าจะนำพาโลกไปสู่ในทิศทางใด

อ้างอิง : https://www.mxphone.com/sir-paul-mccartney-says-artificial-intelligence-has-enabled-a-final-beatles-song/

—————————————————————————————-

ทั้งหมดเป็นข่าวที่น่าสนใจใน  9- 15 มิถุนายน 2566 พบกันใหม่ในสัปดาห์หน้านะคะ : )

หากมีข้อสงสัย ติชมสามารถ ติดตามและสอบถามได้ที่
 : AIไทยสามารถ โดย AI for all Thailand



เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

อนุญาตทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึก