ข่าว AI รอบโลก – สัปดาห์ที่ 2 เดือน สิงหาคม 2023

นักวิจัยฝึก AI แกะตัวอักษรจากเสียงกดแป้นพิมพ์สำเร็จ แม่นยำสูงถึง 95%

เว็บไซต์ข่าวไอที ฟาเกน วาซานนี (Fagen Wasanni) รายงานว่า ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยคอร์เนล ซึ่งประกอบด้วย นายโจชัว แฮร์ริสัน, นายเอซาน โทเรนี และดร.มาเรียม เมห์รเนซาด ประสบความสำเร็จในการฝึกแบบจำลองปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอ (AI) ในการถอดตัวอักษรจากเสียงการพิมพ์บนแป้นพิมพ์

กลุ่มนักวิจัยได้บันทึกเสียงการกดแป้นพิมพ์เพื่อนำไปฝึกโมเดลเอไอ ซึ่งได้ผลลัพธ์ที่น่าทึ่ง โดยโมเดลเอไอสามารถคาดเดาตัวอักษรที่พิมพ์ได้ในอัตราความแม่นยำที่สูงถึง 95%

ในการฝึกโมเดลเอไอดังกล่าวนั้น กลุ่มนักวิจัยได้ใช้แป้นพิมพ์ชนิดพิเศษ ซึ่งแต่ละปุ่มจะมีเสียงที่แตกต่างกันออกไป โดยในการฝึก พวกเขาจะใช้ไมโครโฟน หรือใช้โปรแกรมซูม (Zoom) ในการบันทึกเสียงคีย์บอร์ด โดยพบว่าการฝึกจากเสียงที่ผ่านโปรแกรมซูมนั้น มีความแม่นยำลดลงเพียงเล็กน้อย อยู่ที่ระดับ 93%

ในการสาธิตการฝึกดังกล่าว กลุ่มนักวิจัยได้ใช้แม็คบุ๊ค โปร (Macbook Pro) และกดแป้นพิมพ์ 36 ปุ่ม รวม 25 ครั้ง ซึ่งโมเดลเอไอสามารถระบุได้ว่าแต่ละปุ่มเป็นตัวอักษรหรือสัญลักษณ์อะไรด้วยความแม่นยำในระดับสูง ซึ่งความแตกต่างเล็กน้อยของรูปแบบคลื่นเสียงที่เกิดจากการบันทึก ทำให้โมเดลแยกความแตกต่างได้อย่างแม่นยำ

อย่างไรก็ตาม โมเดลเอไอนี้มีจุดอ่อน โดยกลุ่มนักวิจัยตั้งข้อสังเกตว่ามีวิธีการหลายอย่างที่สามารถลดความแม่นยำลงได้ อาทิ การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการพิมพ์ ตัวอย่างเช่น การพิมพ์สัมผัส (touch typing) ซึ่งความแม่นยำในการจดจำแต่ละปุ่มบนแป้นพิมพ์จะลดลงอยู่ที่ 40-64% นอกจากนี้ การใช้ซอฟต์แวร์เพื่อสร้างเสียงรบกวน หรือ การกดปุ่มเพิ่มเติม ก็อาจทำให้โมเดลเอไอสับสนได้เช่นกัน

อ้างอิง : https://www.infoquest.co.th/2023/324856

‘เป็นแฟนกับ AI’ เทรนด์ใหม่วัยรุ่นจีน หวังหาที่พึ่งทางใจ

เดทกับ “AI” วัยรุ่นในจีนใช้แชตบอต “ChatGPT” และแอปพลิเคชันแชตเป็นเพื่อนคลายเหงา และพัฒนาความสัมพันธ์ต่อจนเป็นแฟน หลังพบว่าการเข้าหามนุษย์ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับพวกเขา

โปรแกรมแชตบอต (Chatbot) กลายเป็นเทคโนโลยีที่มาแรงที่สุดในปีนี้ หลายบริษัทเริ่มเปิดตัวแชตบอตและเอไอเป็นของตนเอง จนเข้ามามีบทบาทในโลกแห่งการทำงานมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน หนุ่มสาวชาวจีนกลับใช้โปรแกรมแชตบอตเป็นเพื่อนคลายเหงา และเริ่มสร้างสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับ AI (เอไอ) มากขึ้นเรื่อย ๆ

ถึงขนาดที่ Douban เว็บบอร์ดยอดนิยมของจีนมีห้องสนทนาชื่อว่า “Human-AI Love” สำหรับพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลสำหรับคนที่กำลังมีความสัมพันธ์กับเอไอโดยเฉพาะ ซึ่งกลุ่มนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ปัจจุบันมีสมาชิกเกือบ 10,000 คน

เทรนด์การเดทกับเอไอในจีนมีมาตั้งแต่ช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 และได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากคนรุ่นใหม่ไม่อยากแต่งงาน ครองตัวเป็นโสดกันมากขึ้น จนทำให้ในปีที่แล้วอัตราการเกิดในจีนลดต่ำลงเป็นประวัติการณ์

ไม่ใช่ว่าคนรุ่นใหม่อยากมีความรัก แต่เป็นเพราะพวกเขาไม่มีเวลามากพอจะไปพบเจอกับใคร ขณะที่บางส่วนให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตแบบปัจเจกชน จนรู้สึกว่าการเข้าหามนุษย์เป็นเรื่องยาก ต่างจากการพูดคุยกับเอไอ ที่สามารถสร้างสัมพันธ์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่ต้องวุ่นวายกับชีวิตจริง

หลายคนจึงมองว่าการใช้แชตบอตเป็นเสมือนพื้นที่ปลอดภัย มีคนคอยรับฟัง และได้รับการยอมรับ ต่างจากในชีวิตจริงที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน และต้องพิสูจน์ตัวเองอยู่เสมอ อีกทั้งแชตบอตยังมีความเสถียรทางอารมณ์ ไม่มีอคติ

อ้างอิง : https://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/1082759

OpenAI สร้าง ‘GPTBot’ กวาดข้อมูลจากเว็บไซต์ ใช้ใน ChatGPT รุ่นต่อไป

OpenAI ออกมายอมรับว่ามีการเก็บรวบรวมข้อมูล หรือ Crawling บนเว็บ โดยใช้ “GPTBot” ในการรวบรวมข้อมูลบนโลกออนไลน์เพื่อใช้ในการเทรน AI และสื่อต่างประเทศยังคาดการณ์ว่า GPT-5 ก็มีแนวโน้มที่จะถูกเทรนด้วยข้อมูลจาก GPTBot

Spider หรือ Web Crawler คือการรวบรวมข้อมูลเว็บไซต์ และตัวที่มีการใช้งานมากที่สุดจะเป็น Googlebot ที่จะรวบรวมข้อมูลของเว็บโดยอัตโนมัติ เพื่อให้ Google ทำการจัดอันดับและแสดงข้อมูลในหน้าผลการค้นหา ซึ่งมีผลกับยอดผู้เข้าชมเว็บไซต์
อย่างไรก็ตามทาง OpenAI ก็ได้ออกมาแจ้งว่าผู้ให้บริการเว็บไซต์สามารถบล็อก GPTBot เพื่อไม่ให้ดึงข้อมูลบนเว็บไซต์เพื่อนำไปเทรน เพราะอินเทอร์เน็ตมีข้อมูลสำหรับการเทรนโมเดลภาษา หรือ Large Language Model (LLM) อย่างโมเดล GPT ของ OpenAI หรือ Bard ของ Google

ซึ่งการบล็อก GPTBot อาจเป็นขั้นแรกของ OpenAI ในการอนุญาตให้ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเลือกที่จะไม่ให้ข้อมูลในการเทรนโมเดลภาษา
ขณะเดียวกันยังคงมีการถกเถียงเพิ่มขึ้นเรื่อยมาเกี่ยวกับการเก็บข้อมูลเพื่อเทรน AI ซึ่งเว็บไซต์อย่าง Reddit และ Twitter ก็ได้ผลักดันให้ควบคุมการใช้งานโพสต์ของผู้ใช้โดยบริษัท AI ขณะที่นักเขียนหรือเหล่าครีเอทีฟก็ได้มีการฟ้องร้องในประเด็นการใช้ข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต

และตามการรายงานของ Axios เว็บไซต์ข่าวสัญชาติอเมริกันระบุว่าบริษัทอย่าง Adobe ได้มีการเสนอไอเดียในการทำเครื่องหมายเพื่อระบุว่าข้อมูลใดไม่ได้ใช้สำหรับการเทรนนิง ซึ่งบริษัท OpenAI, Microsoft, Google, Meta และอีกหลายเจ้ายังได้ลงนามในข้อตกลงกับทำเนียบขาวในการพัฒนาระบบลายน้ำเพื่อแจ้งให้ผู้ใช้ทราบเมื่อเนื้อหาถูกสร้างขึ้นโดย AI แต่ก็ไม่ได้บอกว่าจะหยุดใช้ข้อมูลอินเทอร์เน็ตในการเทรนแต่อย่างใด

อ้างอิง : https://www.thairath.co.th/money/tech_innovation/tech_companies/2716078

Google, OpenAI ร่วมมือทำเนียบขาว ค้นหาผู้พัฒนาความปลอดภัยด้านไซเบอร์

ฝ่ายบริหารของ Biden กำลังร่วมมือกับบริษัทด้านปัญญาประดิษฐ์ชั้นนำสี่แห่งเพื่อสนับสนุนความปลอดภัยทางไซเบอร์แบบใหม่ที่มีเป้าหมายเพื่อปกป้องโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของสหรัฐฯ

มีการประกาศ “AI Cyber Challenge” ในการประชุม Black Hat USA ในลาสเวกัสเมื่อวันพุธที่ผ่านมา สำหรับจับคู่ผู้เชี่ยวชาญกับโมเดล AI ที่ผลิตโดย Anthropic, Google, Microsoft และ OpenAI เพื่อพัฒนาระบบเพื่อระบุและแก้ไขช่องโหว่ของซอฟต์แวร์ ความท้าทายซึ่งจัดโดย DARPA นั้นรวมถึงรางวัล 20 ล้านดอลลาร์สำหรับระบบที่ดีที่สุดที่สามารถใช้ในการปกป้องโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลที่ดำเนินการทุกอย่างตั้งแต่การขนส่งไปจนถึงโครงข่ายไฟฟ้า

คาดว่าทีมต่างๆ จะเริ่มแข่งขันในกิจกรรมรอบคัดเลือกในฤดูใบไม้ผลิหน้า และผู้ชนะจะได้ไปแข่งขันในรอบรองชนะเลิศที่งาน Def Con ในปีหน้า ทีมห้าอันดับแรกจะได้เข้าแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศซึ่งจะจัดขึ้นที่ Def Con 2025 จากนั้นผู้ชนะรางวัลจะถูกขอให้ใช้ระบบโอเพ่นซอร์สเพื่อให้ทุกคน “”สามารถใช้งานได้ตั้งแต่อาสาสมัคร นักพัฒนาโอเพ่นซอร์สไปจนถึงเชิงพาณิชย์ อุตสาหกรรม” อดัมส์กล่าวเมื่อวันอังคาร

ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ฝ่ายบริหารของ Biden ได้จัดประชุมสุดยอดเกี่ยวกับการโจมตีแรนซัมแวร์ K-12 โดยประกาศการดำเนินการหลายชุดเพื่อบรรเทาภัยคุกคาม ทาง Federal Communications Commission คาดว่าจะเปิดตัวโครงการนำร่องเพื่อมอบเงินอุดหนุน 200 ล้านดอลลาร์ในช่วง 3 ปีข้างหน้าสำหรับโรงเรียนและห้องสมุดระดับ K-12 เพื่อสนับสนุนการป้องกันทางไซเบอร์ นอกจากนี้ Amazon Web Services ยังให้คำมั่นว่าจะมอบเงิน 20 ล้านดอลลาร์ให้กับโครงการทุนสำหรับโรงเรียนและหน่วยงานการศึกษาของรัฐอีกด้วย

อ้างอิง : https://www.theverge.com/2023/8/9/23826017/openai-google-microsoft-artificial-intelligence-def-con-black-hat

Bing Chat AI กำลังจะพร้อมให้บริการบนเบราว์เซอร์มือถือต่างๆ

Microsoft กำลังนำ Bing Chat ที่ขับเคลื่อนด้วย AI มาสู่เบราว์เซอร์มือถือในเร็วๆ นี้ แม้ว่า Bing Chat จะพร้อมใช้งานในแอปมือถือ Android และ iOS แยกกันตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ แต่ Microsoft กำลังเปิดให้ใช้งานได้กับเบราว์เซอร์มือถือทั้งหมด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงที่กว้างขึ้นเพื่อหยุดการบล็อก Bing Chat บนเบราว์เซอร์ของ third-party

Bing Chat เปิดตัวครั้งแรกในเดือนกุมภาพันธ์ แต่จำกัดเฉพาะเบราว์เซอร์ Edge ของ Microsoft เท่านั้น Microsoft เริ่มเปิดให้ใช้เบราว์เซอร์เดสก์ท็อป Chrome และ Safari ในปลายเดือนกรกฎาคม โดยเป็นส่วนหนึ่งของการทดสอบการสนับสนุนเบราว์เซอร์ของผู้พัฒนาอื่นๆ อย่างเต็มรูปแบบ

“ด้วยฟีเจอร์ใหม่ที่มีประโยชน์มากมายซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Bing เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะประกาศว่าคุณจะได้สัมผัสกับ Bing ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ใหม่ในเบราว์เซอร์ของทั้งหมดบนเว็บและอุปกรณ์เคลื่อนที่ในเร็วๆ นี้” ทีมงาน Bing กล่าวในบล็อกโพสต์ “ก้าวต่อไปในเส้นทางนี้ช่วยให้ Bing สามารถศักยภาพของมันได้โดยไม่ว่าจะเป็นการ สรุป การสร้างภาพ และอื่นๆ แก่ผู้คนในวงกว้าง”

Microsoft เปิดตัว Bing Chat ครั้งแรกเมื่อ 6 เดือนก่อน และบริษัทกล่าวว่า “เห็นการเติบโต 9 ไตรมาสติดต่อกันบน Edge” มีการแชทมากกว่า 1 พันล้านรายการบน Bing Chat และรูปภาพมากกว่า 750 ล้านภาพที่สร้างขึ้นโดยใช้บริการนี้

อ้างอิง : https://www.theverge.com/2023/8/7/23822773/microsoft-bing-ai-chat-mobile-browsers-google-chrome-safari

Alibaba กล่าวมาตราการคว่ำบาตรชะลอการพัฒนา AI จีน

Alibaba Group Holding Ltd. ยอมรับว่าไม่สามารถตอบสนองความต้องการการฝึกอบรม AI จากลูกค้าได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากข้อจำกัดด้านอุปทานทั่วโลก โดย Daniel Zhang ประธานและซีอีโอ เปิดเผยว่า การขาดแคลนส่วนประกอบที่สำคัญ เช่น ชิปปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งได้ขัดขวางความพยายามของจีนในการเร่งความก้าวหน้าในเทคโนโลยีนี้.

Zhang เน้นย้ำว่าในไตรมาสที่แล้ว มีความต้องการอย่างมากสำหรับการฝึกอบรมแบบจำลองและบริการที่เกี่ยวข้องบนโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ของ Alibaba อย่างไรก็ตาม ความต้องการเหล่านี้สามารถตอบสนองได้เพียงบางส่วนเท่านั้น เนื่องจากข้อจำกัดในห่วงโซ่อุปทานในระยะสั้นที่ทั่วโลกต้องเผชิญ ส่งผลให้บริษัทไม่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างเต็มที่

บริษัทต่างๆ ของจีน รวมถึง Alibaba กำลังเผชิญกับความท้าทายในการแข่งกันการพัฒนาด้าน AI กับสหรัฐฯ เนื่องจากการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูง ซึ่งรัฐบาลสหรัฐฯ ได้กำหนดมาตรการคว่ำบาตรบริษัทจีน ป้องกันไม่ให้ซื้อชิปขั้นสูงสุดที่ผลิตโดย Nvidia Corp โดยข้อจำกัดนี้ขัดขวางความพยายามของจีนในการแข่งขันกับเทคโนโลยี เช่น ChatGPT ของ OpenAI อย่างไรก็ตาม Nvidia ได้สร้างชิป A100 ที่มีประสิทธิภาพในเวอร์ชั่นขั้นสูงน้อยกว่าสำหรับลูกค้าชาวจีน และบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของจีน

การประกาศกฎใหม่โดยฝ่ายบริหารของ Biden จำกัดการลงทุนบางส่วนของบริษัทอเมริกันในภาค Quantum computing และ AI ในจีน ทำให้จีนเสียเปรียบในการพยายามเพิ่มขีดความสามารถทางเทคโนโลยี

อ้างอิง : https://www.bloomberg.com/news/articles/2023-08-10/alibaba-chief-warns-of-constraints-as-china-ai-training-ramps-up#xj4y7vzkg

—————————————————————————————-

ทั้งหมดเป็นข่าวที่น่าสนใจใน  4 – 10 สิงหาคม 2566 พบกันใหม่ในสัปดาห์หน้านะคะ : )

หากมีข้อสงสัย ติชมสามารถ ติดตามและสอบถามได้ที่
 : AIไทยสามารถ โดย AI for all Thailand



เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

อนุญาตทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึก